สรุปไทม์ไลน์ คดีลูกน้อง “กำนันนก” ยิง “สารวัตรทางหลวง” ใครโดนจับแล้วบ้าง

สรุปไทม์ไลน์ คดีลูกน้อง “กำนันนก” ยิง “สารวัตรทางหลวง” ใครโดนจับแล้วบ้าง

สรุปไทม์ไลน์ คดีลูกน้อง “กำนันนก” ยิง “สารวัตรทางหลวง” ใครโดนจับแล้วบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหตุการณ์สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นคดีลูกน้อง “กำนันนก” ยิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิตคาบ้าน หลังจากไม่พอใจที่นายตำรวจที่เสียชีวิตไม่ยอมวิ่งเต้นย้ายตำแหน่งให้หลานชายของตัวเอง เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปในทันที เมื่องานนี้มี “ตำรวจ” หลายนายเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นผู้กระทำผิดเช่นเดียวกัน Sanook สรุปไทม์ไลน์คดีลูกน้องกำนันนกที่คนให้ความสนใจ และพาไปดูว่าใครโดนจับเป็นหรือจับตายไปแล้วบ้าง 

ยิงตำรวจทางหลวงดับคาบ้าน

เวลา 22.00 น. ของวันที่ 6 กันยายน 2566 มีรายงานคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในบ้านของ “กำนันนก” ผู้กว้างขวางในจังหวัดนครปฐม เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิตเนื่องจากถูกยิงทั่วร่างถึง 5 นัด โดยสาเหตุของการกระทำอุกอาจดังกล่าว เกิดจากกำนันนกเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 25 นายมารับประทานอาหารที่บ้าน เพื่อทำความรู้จักกันไว้ 

แต่เมื่อมาถึงกำนันนกได้พูดโน้มน้าวให้ พ.ต.ต.ศิวกร ช่วยวิ่งเต้นตำแหน่งให้กับหลานชาย แต่ พ.ต.ต.ศิวกร ตอบปฏิเสธ กำนันนกจึงลุกออกจากโต๊ะไป และ “หน่อง ท่าผา” ลูกน้องคนสนิทของกำนันนกก็เข้ามากระหน่ำยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วหลบหนีไป 

วิสามัญ “หน่อง ท่าผา”

หลังเกิดเหตุวันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังตามล่าหน่อง พร้อมออกหมายจับใน 6 ข้อหา ขณะที่ศาลจังหวัดนครปฐมก็ได้ออกหมายจับกำนันนกเช่นกัน ซึ่งกำนันนกได้เดินทางเข้ามามอบตัวในช่วงบ่ายของวันที่ 7 กันยายน 2566 พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงตำรวจ 

หน่องที่หลบหนีถูกตำรวจวิสามัญในช่วงรุ่งสางของวันที่ 8 กันยายน 2566 หลังมีพฤติกรรมต่อสู้ขัดขวาง และชักอาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อจะหลบหนี ขณะเดียวกับ กำนันนกก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าไม่ได้สั่งให้หน่องยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยอมรับเพียงว่าอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น 

แต่จากการสอบปากคำแม่บ้านของกำนันนก ให้การว่า กำนันนกเป็นคนสั่งให้ทำลายหลักฐาน แกะกล้องวงจรปิด ล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย 

กระบวนการทำลายหลักฐาน

ประชาชนให้ความสนใจกับคดีนี้เป็นอย่างมาก นำไปสู่การตั้งข้อสงสัยว่าหน่องและกำนันนกหนีออกจากที่เกิดเหตุได้อย่างไร ในเมื่องานเลี้ยงคืนนั้นมีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมงาน ก่อนที่จะมีการเผยภาพกล้องวงจรปิดในช่วงที่ทั้งสองคนกำลังหลบหนี โดยมีรถจักรยานยนต์นำขบวนของตำรวจขี่ตามท้าย เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นตำรวจในสังกัดภูธรเมืองนครปฐม จึงมีการออกหมายจับและจับกุมตำรวจ 6 นาย ที่มีส่วนร่วมกระทำผิด และมีหนังสือคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 2 ใน 6 นายนี้ 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันค้นหาเซิร์ฟเวอร์จากกล้องวงจรปิด ที่คาดว่าบันทึกเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นได้ ที่ลูกน้องของกำนันนกสารภาพว่าได้รับคำสั่งให้นำไปโยนทิ้งน้ำ และพบเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวในคลองหลังวัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถกู้ข้อมูลได้มากน้อยแค่ไหน

ปืนใช้ก่อเหตุเป็นของตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานกว่า 30 ปากที่อยู่ในงานเลี้ยง และหนึ่งในนั้นคือคนงานของกำนันนก ที่รับสารภาพว่าเป็นคนนำปืนที่หน่องใช้ก่อเหตุ ไปฝังไว้ริมบึงแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองนครปฐม ตำรวจจึงควบคุมคนงานไปชี้จุดที่ทำการฝังปืน โดยขุดเจอปืนกระบอกดังกล่าว ถูกห่ออยู่ในเศษผ้าปูโต๊ะ 

จากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ เป็น “ปืนของตำรวจ” ที่อยู่ภายในงาน และมีรายชื่อเป็น 1 ใน 6 ตำรวจที่ถูกออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ชัดว่าเป็นการซื้อให้หรือนำไปจำนำกับหน่อง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวเป็นคนที่มีหนี้สินมาก และเป็นคนที่มีความสนิมกับกำนันนก คอยดูแลและขับรถนำขบวนให้เสมอ 

ฝากขัง - สั่งย้าย ตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออกหมายจับทั้ง 6 นาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปส่งขอฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เพราะกลับไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน มีรายงานว่าตำรวจทั้ง 6 นายมีภาวะเครียด แต่ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ 

ขณะเดียวกันก็มีคำสั่งย้ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีภาพร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อเปิดทางสอบสวนในคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร เสียชีวิต 

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า ได้แยกตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • กลุ่มที่เกิดเหตุแล้ววิ่งหนี ไม่ทำอะไร 
  • กลุ่มที่ทำลายหลักฐานและช่วยพากำนันนกหลบหนี
  • กลุ่มที่พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุว่า การสืบสวนในขณะนี้ได้ข้อมูลที่ค่อนข้างครบถ้วน และอาจใช้เวลา 3 - 4 วันในการกู้เซิร์ฟเวอร์ พร้อมยืนยันว่าจะต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน ทั้งการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และทำลายวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ 

ค้านประกันกำนัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้านการประกันตัวกำนันนก และขออำนาจฝากขัง 12 วัน เนื่องจากกำนันนกเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เมื่อไม่ได้ผลประโยชน์อย่างที่ตกลงกัน ก็ลงมือยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าตำรวจชั้นผู้ใหญ่อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย และหลังเกิดเหตุก็มีการทำลายหลักฐาน พร้อมหลบหนี จึงทำให้คดีนี้มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต และหากปล่อยตัวชั่วคราว ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคดีได้ 

แม้กำนันนกจะให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนสั่งยิง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาทั้ง 6 คนรับสารภาพตรงกันว่ากำนันนกเป็ยคนสั่งการ และสาเหตุเกิดจากการขอตำรวจแล้วไม่ให้ จึงสั่งยิง และผูกพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมานานจนเหิมเกริม จึงต้องล้างบาง 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังตอบผู้สื่อข่าวว่า กำนันนกจะไม่มีทางหลุดรอดจากคดีนี้ เพราะมีทั้งพยานให้การยืนยันและพยานแวดล้อม พร้อมยืนยันว่าไม่มีพยานถูกปิดปาก เพราะตนลงมาคุมคดีนี้ด้วยตนเอง สืบสวนสอบสวนร่วมกับตำรวจชุดใหญ่ ไม่ใช่ทีมในพื้นที่ และจะทำให้เป็นตัวอย่างว่าใครทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลจะต้องเจอแบบนี้ วันนี้จะล้างบางให้หมด 

ด้านกำนันนกยังไม่ขอประกันตัว เนื่องจากกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ สรุปไทม์ไลน์ คดีลูกน้อง “กำนันนก” ยิง “สารวัตรทางหลวง” ใครโดนจับแล้วบ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook