"บิ๊กต่อ" ยัน ผกก.เบิ้ม ลั่นไกตัวเอง เพราะเสียใจดูแลน้องไม่ได้ ปัดจัดฉากฆ่าตัดตอน

"บิ๊กต่อ" ยัน ผกก.เบิ้ม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ปัดจัดฉากฆ่าตัดตอน แนะ ตร. อย่าอยู่ใต้นักการเมืองท้องถิ่น

วันนี้ (12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังร่วมรับร่าง พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ ผกก.เบิ้ม ว่า ตั้งแต่วันแรกที่ตนเดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุ จ.นครปฐม เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกับ ผกก.เบิ้ม ซึ่งเขายอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ดูแลน้องหรือสารวัตรศิวไม่ได้เป็นต้นเหตุทําให้น้องต้องมาโดนยิงเสียชีวิต

โดยเขาพูดวนอยู่แบบนี้ โดย 2 วันก่อนเกิดเหตุ ผกก.เบิ้ม มีการโทรศัพท์หาคนสนิทอยู่ตลอด ตนเองจึงโทรหาผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมรุ่นให้ช่วยไปดูแลหน่อยเพราะเขามีความเครียดมากร่วมถึงถูกกดดันจากสังคมและเพื่อนฝูงว่า เป็นคนพาน้องไปตายหรือไม่ ประกอบกับเครียดมากอยู่แล้วและมีโรคเครียดซึ่งแพทย์เคยระบุไว้

สําหรับการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา นั้น เบื้องต้นแพทย์พิสูจน์ผลออกมาแล้วว่ากระสุนมีนัดเดียวยิงเข้าขมับขวาทําลายสมองส่วนใหญ่เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที เบื้องต้นครอบครัวฝากขอมาว่าการที่จะนําเสนอภาพผู้เสียชีวิตนั้น ขอให้คํานึงถึงจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย เพราะลูกเขาก็ยังเล็ก ซึ่งภาพที่นําเสนอเปรียบเสมือนการตอกยํ้า จึงขอให้สื่อคํานึงถึงเรื่องนี้ให้มาก ส่วนตัวเชื่อว่า พ.ต.อ.วชิรา ไม่ใช่ตํารวจที่เลว แต่สังคมกําลังพิพากษาเขาว่าเป็นตํารวจเลวหรือไม่ แต่หากผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด เมื่อพยานหลักฐานถึงก็ดําเนินคดีได้ทั้งหมด

ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.วชิรา เป็นผู้โทรตามสารวัตรศิว ให้ไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านกํานันนกนั้น ตนยังไม่ได้สอบถามเพราะไม่อยากไปกดดัน อย่างไรก็ตามข้อมูลส่วนนี้ขอให้เป็นแนวทางการทำงานของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในการตรวจสอบซึ่งได้มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจนอยู่

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุด้วยว่า ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดในขณะเกิดเหตุและพยานแวดล้อมต่างๆสอดคล้องกันทั้งหมด จึงขอยืนยันว่าไม่มีการจัดฉากใดๆทั้งสิ้น ซึ่งแนวคิดเช่นนี้เป็นแนวคิดของตํารวจรุ่นเก่าที่ไม่มีความรู้ในเรื่องการสืบสวน ซึ่งส่งผลกระทบให้ชุดปฏิบัติงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับความเสียหาย

จึงอยากให้หยุดและดูพยานหลักฐานเป็นสําคัญดีกว่าคิดมโนกันไปเอง นอกจากนี้อยากเตือนไปถึงเจ้าหน้าที่ตํารวจทุกนายด้วยว่า อย่าไปอยู่ใต้อํานาจนักการเมืองท้องถิ่น และการจะไปร่วมงานเลี้ยงหรือถ่ายภาพขอให้ระวังเพราะเราไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มีจุดประสงค์ใดบ้าง