อ่วม! "บิ๊กโจ๊ก" ค้น บ.กํานันนก พบปืน 16 กระบอก - DSI พร้อมรับฮั้วประมูลเป็นคดีพิเศษ

อ่วม! "บิ๊กโจ๊ก" ค้น บ.กํานันนก พบปืน 16 กระบอก - DSI พร้อมรับฮั้วประมูลเป็นคดีพิเศษ

อ่วม! "บิ๊กโจ๊ก" ค้น บ.กํานันนก พบปืน 16 กระบอก - DSI พร้อมรับฮั้วประมูลเป็นคดีพิเศษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงผลปูพรมค้น 15 จุด เครือข่ายบริษัท "กํานันนก" ยึดปืน 16 กระบอก–รถยนต์หลบหนีหลังก่อเหตุ

วันนี้ (13 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าหลังเจ้าหน้าที่ตํารวจสืบสวนภาค 7 พร้อมด้วยตำรวจสอบสวนกลาง หน่วยปฏิบัติการพิเศษอินทรี 7 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระดมกําลังเข้าตรวจค้นเครือข่าย นายประวีณ หรือ กำนันนก โยงพฤติการณ์ฮั้วประมูลที่ได้งานจากกิจการรับเหมาก่อสร้างทั้ง 15 จุด ในพื้นที่ จ.นครปฐมว่า

จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนจํานวน 16 กระบอก กระสุนอีกว่า 200 นัด รวมทั้งรถยนต์ฟอร์จูเนอร์คันที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร เสียชีวิต ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตํารวจ 2 นายนั่งประกบข้างกํานันนก โดยรถยนต์มีการดัดแปลงสภาพเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทําการเก็บดีเอ็นเอและพยานหลักฐานต่างๆภายในรถครบหมดแล้ว รวมทั้งดําเนินการถอดกล้องวงจรปิดทั้ง 15 จุดที่ทําการตรวจค้นในวันนี้ อีกส่วนหนึ่งคือการยึดเอกสารทั้งหมดเพื่อนําไปตรวจอย่างรายละเอียดว่ามีการฮั้วประมูลหรือไม่ นอกจากนี้อาวุธปืนทั้งหมดก็จะมีการตรวจสอบด้วยว่ามีการนําไปใช้ก่อเหตุหรือข่มขู่ผู้ประมูลโครงการต่างๆก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะทราบมาว่ามีการใช้อาวุธปืนไปก่อเหตุยิงข่มขู่คู่กรณีแต่ไม่ทราบว่าเป็นปืนกระบอกใดต้องรอตรวจสอบเสียก่อน

โดยหลังจากนี้จะไล่ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดที่ยึดได้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เนื่องจากเอกสารค่อนข้างเยอะ ส่วนการตรวจค้นในวันนี้ทั้ง 15 จุด ถือว่าสําคัญเท่ากันเพราะมีความเชื่อมโยงถึงตัวกํานันนกทั้งหมด นอกจากนี้ได้มีการจับกุมเลขานายก อบจ. หลังตรวจพบโพยหวยจํานวนมาก

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังฝากถึงผู้เสียหายที่เคยถูกบริษัทในเครือของกํานันนก ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ด้วยว่าสามารถเข้ามาแจ้งได้ที่ศูนย์ฝึกอบรมตํารวจภูธรภาค 7 เนื่องจากเบื้องต้นผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความแล้วเพียง 2-3 ราย คาดว่าหลังจากนี้จะมีการทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งความดําเนินคดีเพิ่ม

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทํางานของเจ้าหน้าที่ตํารวจ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางนําโดยกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางเป็นกําลังหลักในการดูแลคดีนี้ และในส่วนของเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดที่บ้านกํานันวันเกิดเหตุนั้นคาดว่าวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.) จะได้ผลการตรวจสอบทั้งหมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นและมีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อนําไปสู่การออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป

DSI พร้อมรับคดีฮั้วประมูล "กำนันนก" เป็นคดีพิเศษ หลังพบ 2 โครงการสร้างถนนในจังหวัดนครปฐมส่อพิรุธทุจริต

ที่ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กองคดีฮั้วประมูลฯ ร่วมกันแถลงรายละเอียดการสืบสวนเครือข่ายบริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้ต้องหาในคดีสั่งยิงสารวัตรทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงก์ ที่อาจเข้าข่ายฮั้วประมูลฯ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า จากการดำเนินการสืบสวนเครือข่ายดังกล่าวพบว่ามีการประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจของรัฐ โดยรับโครงการจากภาครัฐ จำนวน 1,544 โครงการ มูลค่า ณ ตอนนี้ งบประมาณ 7,500 ล้านบาท ราคารวมทุกสัญญา 6,900 ล้านบาท

อีกทั้งดีเอสไอมีหน้าที่ในการสืบสวนเรื่องฮั้วประมูลสำหรับโครงการที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการของกำนันนกจำนวน 1,544 โครงการ (จำนวนโครงการที่รับงานจากภาครัฐ) และหลังจากดีเอสไอตรวจสอบก็พบว่าโครงการของ ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด มี 2 โครงการ ส่วนของ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด มี 18 โครงการ ที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท แต่ที่ดีเอสไอเห็นข้อพิรุธคือ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม – ต.ลำลูกบัว และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว – บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกรมทางหลวง และดีเอสไอได้รับเอกสารข้อมูลโครงการจากกรมทางหลวงเรียบร้อยแล้ว

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนต่อเนื่อง มีข้อมูลระดับค่อนข้างดี ล่าสุดมีชาวบ้านซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ซื้อซองจากทั้งสองโครงการดังกล่าว ได้แจ้งข้อมูลทางลับมาที่ดีเอสไอ และดีเอสไอมองว่าอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์สมยอมราคากัน กรอบของดีเอสไอ คือ ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้ง 20 โครงการนี้ก่อนตามที่ได้รับข้อมูล โดยจะทำให้เป็นโครงการตัวอย่างก่อน 2 โครงการตามที่เรียนข้างต้น และอาทิตย์หน้าเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ ส่วนเรื่องโครงการใดที่เห็นความผิดชัดเจนแล้วนั้น ยังไม่เรียกว่ามีความผิด แต่เรียกว่ามีข้อพิรุธ คือ มีการประมูลในราคาต่ำ หรือเรียกว่าฟันราคา และทั้งสองโครงการนี้ใกล้เคียงกัน คือ กลุ่มได้งานคือกลุ่มเดียวกัน กลุ่มซื้อซองก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเมื่อเช้านี้จากการที่มีการเข้าตรวจค้น ก็พบว่าในกลุ่มผู้ซื้อซองอาจเป็นคนได้รับผลประโยชน์ได้

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงลักษณะผู้จัดฮั้วประมูล ว่า มีการแตกสาขา กลุ่มใครกลุ่มมัน อาจมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ หรืออาจเกี่ยวข้องกับนักการเมืองได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ากำนันนกคงมีลูกมือลูกไม้คอยทำหน้าที่ข่มขู่คุกคามไม่ให้คนเข้ามาเปิดซื้อซอง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเป็นการคีย์ระบบ e-bidding คนซื้อซองไม่จำเป็นต้องรับรู้ แต่ในกรณีนี้อาจจะมีความสามารถในการรับรู้การซื้อซอง แล้วดำเนินการบล็อกไว้ เพราะตอนยื่นซื้อซองของทั้งสองโครงการ มีประมาณ 30 กว่าราย แต่ในวันประมูลเหลือเพียงไม่กี่ราย และในช่วงสัปดาห์หน้า ตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.ย.นี้ ได้เรียกบริษัทที่เคยยื่นซื้อซอง จำนวน 58 บริษัทเข้าให้ข้อมูล โดยทยอยเข้าให้ข้อมูลวันละประมาณ 20 บริษัท หากการให้ปากคำเป็นประโยชน์เราก็จะกันเป็นพยาน แต่ถ้าให้ข้อมูลไม่เป็นประโยชน์ อาจแปลได้ว่าสมยอมหรือไม่ และดีเอสไอจะสอบถามเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆรวมถึงจะดูเรื่องเบอร์โทรศัพท์และการติดต่อด้วย เพื่อหาความสัมพันธ์เชื่อมโยง ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราจะตรวจสอบดูให้ครบทุกมิติ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า มีพยานบางส่วนแจ้งเรื่องข่มขู่มาแล้ว โดยมีพฤติกรรมไม่ให้พยานไปยื่นซองประมูล อ้างว่าโครงการนี้เป็นของผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่ถูกข่มขู่นั้น ถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ สำหรับการออกหมายเรียกนายประโยชน์ จันทร์คล้าย และนางสุวีณา จันทร์คล้าย (บิดา-มารดากำนันนก) ดีเอสไออาจจะไม่ได้ออกหมายเรียกพยาน แต่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนมีความชัดเจน ซึ่งหากพบความผิด หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฮั้วประมูลโครงการของภาครัฐ ดีเอสไอก็จะดำเนินการออกหมายผู้ต้องหาได้ทันที

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook