เยาวชน 16 ปีเหยื่อรุมโทรม เครียดวิ่งให้รถไฟทับ หลัง 4 ผู้ต้องหาได้ประกันตัว
เยาวชนวัย 16 ปี ที่ถูกผู้ต้องหา 4 คนล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อหลายเดือนก่อน พยายามฆ่าตัวตายโดยวิ่งให้รถไฟทับร่าง เมื่อคืนวันอังคาร (12 ก.ย.) หลังจากทราบข่าวผู้ต้องหา 4 คนได้รับการประกันตัว และคดีไม่คืบหน้า แต่มีคนมาช่วยเอาไว้ทัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา หลังจากได้รับแจ้งเหตุจากอาสากู้ภัยฯ ก็รีบมาตรวจสอบเพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยพบว่า เยาวชนอยู่ในอาการเครียด จึงได้พาตัวกลับไปยังสถานีตำรวจเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนประสานให้รถพยาบาลจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมามารับตัวกลับไปทำการรักษา
หลังจากโดนกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 ราย รุมโทรม คดีกลับไม่คืบหน้า แถมครอบครัวยังถูกฝ่ายผู้ต้องหาข่มขู่ จนต้องพาไปเก็บตัวที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย ทำให้เยาวชนผู้เสียหายและครอบครัวรู้สึกหวาดกลัวและเครียดอย่างมาก
เมื่อมาทราบอีกว่า กลุ่มผู้ต้องหาปฏิเสธในชั้นศาล และยังได้รับการประกันตัวอีก ก็ยิ่งทำให้ผู้เสียหายเกรงกลัวความปลอดภัย ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่บ้านของตัวเองได้ ประกอบกับเป็นผู้ป่วยซึมเศร้าตั้งแต่อายุ 12 ปี ไม่ได้ทานยาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมาเกิดเหตุถูกรุมโทรม จึงกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก อาการเครียดกำเริบ พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ และมาครั้งนี้ พยายามจะวิ่งให้รถไฟทับตายอีก แต่มีคนมาเห็นและช่วยไว้ได้ทันเสียก่อน
ก่อนเยาวชนผู้เสียหายพยายามวิ่งให้รถไฟทับร่าง ได้แชตไปคุยกับพยานคนหนึ่งในคดีเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของคดี แต่หลังจากแชตคุย ก็เกิดความเครียด และพูดย้ำๆ ว่า ทำไมต้องเป็นตน ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับตน และพูดถึงเรื่องอื่นๆ ก่อนจะขว้างโทรศัพท์มือถือทิ้ง แล้วร้องไห้วิ่งออกมาหวังให้รถไฟทับเพื่อจบชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งตัวเยาวชนหญิงเข้าไปการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ เพื่อประเมินอาการและลดอาการเครียด ก่อนส่งตัวกลับไปยังภูมิลำเนา ซึ่งขณะนี้เยาวชนผู้เสียหายอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคุ้มครองพยาน กระทรวงยุติธรรม แล้ว
การล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เม.ย. โดยผู้ต้องหา 4 คนมีอายุระหว่าง 20-27 ปี และหลังจากถูกจับกุมก็ให้ปากคำรับสารภาพทั้งหมด แต่ตำรวจไม่จับกุมเพราะเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่ที่ผ่านมาพบว่ายังตั้งวงดื่มน้ำกระท่อมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่นั้น บ้านของผู้ต้องหายังตั้งอยู่ละแวกเดียวกับผู้เสียหาย แถมยังมีรายงานว่า ญาติๆ ฝั่งผู้ต้องหายังข่มขู่คุกคามจนผู้เสียหายต้องเข้ารับการปรึกษาจากจิตแพทย์เป็นระยะเวลานาน และหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ยังมาพูดยั่วยุถากถาง ขู่จ้างทนายฟ้องกลับเพราะทำให้อัอาย และใช้ให้คนเอาเรื่องที่ผู้เสียหายถูกรุมโทรมไปปล่อยข่าวในโรงเรียน จนอับอายไปโรงเรียนไม่ได้