รวบหนุ่มแสบ จีบสาวแก่แม่ม่าย ชวนทำบุญ วางแผนจำรหัสโทรศัพท์ ลอบโอนเงินออกบัญชี

รวบหนุ่มแสบ จีบสาวแก่แม่ม่าย ชวนทำบุญ วางแผนจำรหัสโทรศัพท์ ลอบโอนเงินออกบัญชี

รวบหนุ่มแสบ จีบสาวแก่แม่ม่าย ชวนทำบุญ วางแผนจำรหัสโทรศัพท์ ลอบโอนเงินออกบัญชี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

17 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกิตติธัช (ขอสงวนนามสกุล) หรือ องค์ หรือ จิว อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.337/2566 ลงวันที่ 15 มิ.ย. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน”

ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับหญิงสาวสูงวัย เนื่องจากผู้ก่อเหตุมักจะเลือกสานสัมพันธ์กับแม่ม่าย หรือสาวสูงอายุ หญิงผู้เสียหายรายล่าสุด วัย 58 ปี ได้พบกับผู้ต้องหาและพัฒนาความสัมพันธ์ พากันเดินทางสายบุญ เข้าวัดเข้าวา ในขณะที่ผู้ต้องหารายนี้ได้วางแผนก่อเหตุไว้ โดยตลอดเวลาที่อยู่กับฝ่ายหญิง จะแอบจดจำข้อมูลต่างๆ ของผู้เสียหายไว้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะ “รหัสผ่าน” ของโทรศัพท์ และแอปพลิเคชั่นธนาคาร แล้วหาโอกาสที่อยู่ด้วยกันลงมือแอบใช้โทรศัพท์โอนเงินออกจากบัญชีครั้งละไม่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้เสียหายรู้ตัว

ล่าสุด ผู้เสียหายจับได้ว่า นายกิตติธัช แอบโอนเงินออกจากบัญชีไปหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ขณะที่คนร้ายเมื่อรู้ว่าผู้เสียหายจับได้ ก็ตีตัวออกห่าง และหลบหนี ผู้เสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการออกหมายจับ

ภายหลัง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาล และ นักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113 แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มชายขายบริการ และกลุ่มเกย์ เนื่องจากสืบทราบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าว กระทั่งได้เบาะแสและสามารถจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านพัก ซอยภาวนา แขวงสามเสนนอก เขตห้วงขวาง จ.กรุงเทพฯ

ในชั้นจับกุม นายกิตติธัชฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบชั้นปริญญาตรี สาขาการบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรามคำแหง หลังจบมาได้ทำงานเป็นพนักงานในธนาคารชื่อดัง หลังจากนั้นได้เป็นนักบัญชีในบริษัทเอกชนชื่อดัง ก่อนจะผันตัวเดินสายเป็น ฟรีแลนซ์ ทำงานจิปาถะทั่วไป กระทั่งได้มาพบกับหญิงม่ายผู้เสียหายในเส้นทางนักบุญ เข้าวัดเข้าวาทำกิจกรรมสายบุญ ติดสอยห้อยตามเป็นเวลาแรมปี จนถึงช่วงเกิดเหตุตนเองเกิดความโลภ เห็นว่าสาวม่ายที่ตนเองติดตามมีเงินหลายล้านบาท จึงแอบจดจำรหัสผ่านโทรศัพท์และลงมือแอบโอนเงิน แต่ไม่ได้โอนเป็นจำนวนมากโอนทีละเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นต้นเหตุให้ความสัมพันธ์ทั้งสองได้จบลง กลายเป็นความบาดหมาง และตนพยายามหาเงินไปคืนแต่ก็ยังไม่มีคืนมาเป็นเวลานานแล้ว ยอมรับว่าตนเองผิดจริง และยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ผู้ชายขายบริการหรือบาร์โฮสแต่อย่างใด” หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา จากพฤติกรรมของเจ้าตัว ไม่มีงานทำเป็นกิจจะลักษณะ ด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนลักษณะนี้ ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึง อาจมีหญิงสาวเคยตกเป็นเหยื่อเช่นนี้อีก จึงขอฝากถึงหญิงสาวที่เคยตกเป็นเหยื่อลักษณะนี้แล้วไม่สามารถบอกใครได้ สามารถแจ้งมาที่เฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะมีการดำเนินการให้อย่างเป็นความลับ แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook