"บิ๊กโจ๊ก" ลุยขุดฮั้วประมูล สาวเส้นทางการเงิน "กำนันนก" หลังโดน ผบ.ตร.โอนคดีไป บช.ก.
ผบ.ตร.สั่งโอนสำนวนคดีทุจริต-ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ก๊วนงานเลี้ยงบ้าน "กำนันนก" ให้กองปราบฯ ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" ลุยต่อเรื่องฮั้วประมูล
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่าชุดคลี่คลายคดีได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่าคำให้การของตำรวจและผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้การขัดแย้งไม่ตรงกับภาพที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด และนำมาสู่การสอบสวน โดยล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่ง ให้โอนสำนวนคดีไปให้กองบังคับการปราบราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง( บชก.)และดำเนินคดีกับตำรวจที่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามป.วิอาญามตรา 157
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการสืบสวนเรื่องการทุจริตและฮั้วประมูล ตนเองจะดำเนินการกับทางคณะพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สตง. ปปง.ปปช. กรมสรรพากร รวมถึง กรมบัญชีกลางเพื่อดำเนินการตรวจสอบเรื่องการทุจริต การเลี่ยงภาษีต่างๆ โดยจะมีการประชุมร่วมกันที่ภาค 7 เช่นเดิม ส่วนคดีการทุจริตและม.157 เป็นอำนาจหน้าที่ของกองปราบปรามดังนั้นหากสื่อมวลชนสงสัยในเรื่องการแจ้งข้อหาหรือมีประเด็นสอบถามในเรื่องดังกล่าวขอให้ฟังการแถลงกับทางกองปราบปราม
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า ทางกองปราบปรามได้รับมอบสำนวนการสอบสวน เบื้องต้นจากการตรวจสอบพยานหลักฐานและวงจรปิดพอทราบหมเดแล้วว่าตำรวจแต่ละนายมีพฤติกรรมอย่างไร โดยมีตำรวจที่เข้าข่ายความผิดจำนวน 13-14 นาย โดยทางกองปราบปรามจะประชุมพิจารณาร่วมกันอย่างละเอียดก่อนพิจารณาแจ้งข้อหา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม
ส่วนกรณีของ ผกก.สน.พญาไท ในการสอบปากคำได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่การจะเข้าไปช่วยคนเจ็บหรือไม่เป็นประเด็นปลีกย่อยที่จะต้องพิจารณา คาดว่าจะมีความชัดเจนในการประชุมวันที่ 18 ก.ย
ในส่วนของคดีฆ่าหรือเจตนาฆ่า สารวัตรศิว มีผู้เกี่ยวข้อง 7 คน คือ หน่อง มือยิง / กำนันนกคนสั่งการ และผู้เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือทำลายหลักฐานอีก 5 ราย ได้มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีหมดแล้ว