ไทกร ผ่าแผนเสื้อแดงชุมนุมทั่วปท.28กพ.

เผยเตรียมการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง ใช้ยุทธวิธีป่าล้างเมือง แยกประชาชนในหมู่บ้านเป็นฝ่ายเหลืองและแดง จัดกลุ่มและสู้แบบยืดเยื้อ

นายไทกร พลสุวรรณ ประธานชมรมไทยเป็นหนึ่งเดียว ได้เปิดแถลงข่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงของการพิพากษาตัดสินในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังมีข้อมูลของการเกิดสงครามกลางเมืองโดยเฉพาะกับการเปิดปฏิบัติการยุทธวิธีป่าล้างเมืองในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดหลักของภาคอีสานและภาคเหนือ

นายไทกร กล่าวว่า มีความชัดเจนในการชุมนุมครั้งใหญ่หลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะมีการชุมนุม 2 รูปแบบคือที่ กทม.และการชุมนุมตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งแกนนำได้ระบุชัดเจนว่า มวลชนที่ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่ กทม.โดยเฉพาะกับกลุ่มคนสูงอายุ ก็ให้มีการชุมนุมตามพื้นที่จังหวัดของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น ลำปาง แต่จุดพลิกผันคือการจัดตั้งหน่วยฮาร์ดคอร์ คือกองกำลังของคนเสื้อแดงที่มีการจัดตั้งขึ้นและให้ออกมาชุมนุมในวันที่ 28 ก.พ.นี้ และจะมีจุดนัดพบที่ได้มีการกำหนดไว้ของแกนนำแต่ละคน โดยเฉพาะที่ กทม.ที่จะมีการรวมตัวกันที่ซอยลาดพร้าว 101 หรือชุมชนหลังโรงแรมเอเชีย, บางโพ ที่มีการกำหนดจุดไว้สำหรับการเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติการ โดยมีการจัดกำลังเป็นหมวดหมู่ซึ่งมีระบบบังคับบัญชาคล้ายกับกองทัพ ซึ่งจะออกมาร่วมชุมนุมในศูนย์กลางของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งบริเวณถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูปทรงม้า รวมไปถึงรัฐสภา มีการจัดเวทีปราศรัยชุมนุมอย่างสงบ แต่จุดพลิกผันคือการสร้างสถานการณ์ด้วยการยกระดับการชุมนุมที่สงบ เป็นการสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น

กลุ่มคนดังกล่าวนี้เตรียมการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง ใช้ยุทธวิธีป่าล้างเมือง ซึ่งกำหนดไว้ คือ ขณะนี้ให้มีการแยกประชาชนในหมู่บ้านเป็นฝ่ายเหลืองและแดง โดยผ่าน ส.ส.และหัวคะแนน ที่มีรายชื่อของชาวบ้านทั้งหมด เมื่อแยกได้แล้วให้มีการจัดกลุ่มและสู้แบบยืดเยื้อตามหลักสูตรของ นปช. ซึ่งขั้นที่ 1 คือการเข้าไปเจรจาหว่านล้อมให้คนที่ไม่อยู่ฝ่ายแดงเข้าร่วม และหากเจรจาแล้วไม่เป็นผลก็ให้มีการต่อต้าน คือการให้สังคมต่อต้านสุดท้ายหากไม่ได้ผลคือการกดดันในรูปแบบต่างๆ จนเกิดการปะทะกันตั้งแต่ในระดับหมู่บ้านลามไปสู่เมือง นี่คือเงื่อนไขที่จะเกิดขึ้นต่อจากการชุมนุมใหญ่ใน กทม.คาดการณ์ว่าจะมีคนเข้าร่วมมากกว่า 3 แสนคน ซึ่งเมื่อมีจำนวนคนมากแต่การรับมือด้วยกำลังคนที่น้อย ประกอบกับจังหวัดต่างๆ ก็พร้อมที่จะเดินทาง