เจ๊ฉอด เขินโดนแซว เอส ให้แหวนนิ้วนางซ้ายยันคดีไม่น่าห่วง

มีข่าวเรื่องรักๆ กับเค้าเหมือนกัน สำหรับบิ๊กบอสเอไทม์มีเดีย ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา

ที่เมื่อครั้งก่อนห้านี้ก็มีข่าวกับนักร้องหนุ่มจากค่ายเอเอฟ ว่าน และกระเถิบมาอีกคนนั่นก็คือหนุ่ม เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ที่ถึงแม้ว่าในขณะนี้ก็ยังมีข่าวด้วยกันอยู่บ่อยๆ ว่าสนิทสนมกันมากว่าพี่น้องหรือว่าคนที่ร่วมงานกัน เพราะทั้งคู่นั้นไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยๆ นอกเหนือจากกิจกรรมในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการไหว้พระ หรือกิจกรรมที่ทำร่วมกันสองคน ล่าสุดก็มีคนแอบเห็นว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ๊ฉอดนั้นก็ถูกตรีตราจองเอาไว้ด้วยแหวนซะแล้ว ซึ่งช่วงนี้ก็เพิ่งจะผ่านวันวาเลนไทนมาไม่กี่วันเลยแอบสงสัยไม่ได้ว่าคนที่ให้นั้นต้องเป็นคนที่พิเศษพอสมควร

เห็นพี่ตุ๊กแซวบนเวทีว่าดูหน้าตาสดชื่น
"ไม่มีอะไรค่ะ เขาชอบแกล้งพี่"

แล้วแหวนที่นิ้วนางซ้ายได้มายังไง
"ไม่มีอะไรค่ะ เรื่องปกติ ชีวิตปกติ พี่ก็รู้สึกดีปกติค่ะ"

เพิ่งผ่านวันวาเลนไทน์มาแล้วมีแหวนแล้วมันดูยังไงอยู่
"อ๋อ เก็บได้ค่ะ เห็นมันตกพื้น (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ใครให้ท่า (หัวเราะ)"

ใช่หนุ่มที่เป็นข่าวให้หรือเปล่า
"ก็ไม่มีอะไรคะ ปกติค่ะ ชีวิตไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ ปกติทุกประการ มีความรู้สึกดีอยู่ เอาเรื่องงานเถอะ (หัวเราะ)"

ทำไมต้องเขินด้วยล่ะ
"ไม่มีอะไร พี่ตุ๊กเขาชอบแกล้งพี่ คือช่วงนี้เขาจะมาซ้อมคอนเสิร์ตบ่อยๆ เขาก็ชอบมาแซว"

แหวนได้มาเมื่อไหร่
"โอ๊ย ไม่ใช่ค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ"

แล้วที่มีภาพไปดูคอนเสิร์ตกับเอสล่ะ
"ก็ไปดูคอนเสิร์ตตามปกติค่ะ ไม่มีอะไรหลุดค่ะ ไปกันเต็มเลยค่ะวันนั้น พวกเอไทม์ไปกันตั้งเยอะค่ะ สนุกสนานดี"

เรื่องคดีไปถึงไหนแล้ว
"เดี๋ยววันจันทร์ที่ 22 ก.พ. จะต้องไปศาลอีกครั้งนึงแต่เขาบอกให้ไปเฉยๆ เป็นขั้นตอนการตรวจเอกสาร ก็คงไปแล้วเป็นเรื่องของทนายค่ะ ตอนนี้ตัวพี่ฉอดเองคงไม่ต้องมีบทบาทอะไร ไปเพื่อแสดงตัวค่ะ ยังไม่ได้ฟังอะไรด้วยค่ะ"

แนวโน้มที่จะหลุดพ้นข้อกล่าวหามีมั้ย
"เท่าที่ฟังก็ดูไม่น่ามีอะไรนะคะ แต่ปัญหาคงเป็นเรื่องที่ว่าอีกนาน เขาบอกว่าศาลจะนัดอีกทีก็คงปลายปีค่ะ ถามว่ามีอะไรที่น่าเป็นห่วงมั้ยตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายของทางบริษัทกับทางทนาย ถ้าหากฟ้องเป็นเรื่องเป็นราวครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งแรก"

เครียดมั้ย
"ไม่เลยค่ะ จริงๆ เรามั่นใจในสิ่งที่เราทำอยู่นะคะ อย่างที่บอกว่าพอถึงตรงจุดนึงเรื่องบางเรื่องมันไม่อยู่ในสิ่งที่เราจะทำอะไรได้ ก็ต้องเป็นเรื่องของทางฝ่ายกฎหมายจัดการค่ะ พี่ฉอดก็ทำงานปกติ เครียดกับคอนเสิร์ตมากกว่า (หัวเราะ)"

ทำไมถึงเข้าไปอยู่ในคดีได้
"อันนี้คงพูดอะไรเยอะไม่ได้ค่ะเพราะเป็นเรื่องของคดีแล้วอาจจะพูดได้ยากนิดนึง อาจจะพูดพาดพิงไปค่ะ"

หลังมีข่าวไปมีผลกระทบกับงานมั้ย
"ไม่มีค่ะ งานก็ปกติ มีคนเป็นห่วงแล้วก็มีโอกาสได้รู้ถึงความเป็นห่วงของคนมากขึ้น มีหลายคนมากพยายามจะบอกว่าจะไปศาลเมื่อไหร่จะไปด้วย หรือมีบางคนร้องห่มร้องไห้ มันก็เป็นเรื่องพลิกวิกฤติเป็นโอกาสนะ ดีตรงที่ได้รับรู้ว่ามีใครเป็นห่วงเป็นใยเรา"

ต่อไปต้องดูเอกสารให้ละเอียด
"คงทำได้เท่าที่ทำได้ค่ะ อย่างตำแหน่งหน้าที่ของพี่ฉอดเองวันนึงต้องเซ็นเอกสารหลายร้อยลายเซ็นนะคะ หลายเรื่องต้องเซ็นในฐานะตำแหน่ง แต่มันก็ต้องผ่านขั้นตอนของคนที่ดูแลมาแล้วค่ะ ส่วนตัวเองจะไปรับรู้ในทุกเรื่องหมดบางทีมันก็ยากเหมือนกันเพราะมันเยอะเรื่องมากๆ"

เหตุเกิดจากความไว้ใจคนมากเกินไปหรือเปล่า
"อ๋อ ไม่หรอกค่ะ มันก็เป็นวิถีปกติมากกว่า คือทางฝั่งเราไม่มีอะไรผิดพลาด เพียงแต่ถ้ามันมีการร้องเรียนเกิดขึ้นเราก็แก้ปัญหากันไปค่ะ"

แนวโน้มจะสรุปไปในทิศทางไหน
"ไม่ทราบเลยค่ะ แต่เท่าที่ถามทางทนายก็บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"