"บิ๊กก้อง" รับโอนคดียิงสารวัตรศิว ชี้ชัด "กํานันนก" บงการสังหาร ฟันไม่เลี้ยง ตร.ทำผิด ม.157
"บิ๊กก้อง" เผยหลักฐานชี้ชัด "กํานันนก" สั่งยิงสารวัตรศิว ยันวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมตํารวจทุกนายไว้หมด ฟันไม่เลี้ยง ม.157 ลั่นหากช่วยถือว่า "ผมเป็นคนที่ใช้ไม่ได้"
วันที่ 18 ก.ย. 66 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีที่ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิต หลังร่วมรับประทานอาหารที่บ้านของ นายประวีณ หรือ กำนันนก ผู้ต้องหากระทําความผิดฐาน “จ้างวานฆ่าผู้อื่น” ในพื้นที่ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีคําสั่งโอนย้ายคดีมาให้กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดย พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ได้รับคําสั่งโอนคดีเรื่อง ม.157 จากสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยการโอนคดีนั้นถือเป็นเรื่องปกติเพราะเกี่ยวข้องกับคดียิงสารวัตรศิว ที่กองบังคับการปราบปรามดูแลอยู่ขณะนี้ ซึ่งการดําเนินคดี ม.157 กับเจ้าหน้าที่ตํารวจที่อยู่ในงานเลี้ยงกํานันนกนั้น จะใช้ชุดทํางานเดียวกัน รวมไปถึงการฮั้วประมูลและการขยายผลต่างๆ แต่จะใช้ บก.ปปป. เป็นหลักเนื่องจากเชี่ยวชาญ ซึ่งยินดีทํางานร่วมกับ รอง ผบ.ตร. และพร้อมปฏิบัติตาม โดยยึดพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นหลัก ส่วนพรุ่งนี้ที่ รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมที่ ภ.7 นั้น แน่นอนว่าตํารวจสอบสวนกลางต้องไปร่วมประชุมอยู่แล้ว
สําหรับการประชุมในวันนี้ได้ข้อยุติแล้วว่า จะพิจารณา 2 ประเด็น คือ 1.ข้อเท็จจริง ว่าทั้งก่อนหลังและขณะเกิดเหตุเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะหากไม่ชัดเจนก็ไม่สามารถดําเนินคดีได้ 2.เรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งการจะดําเนินคดี ม.157 นั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องไปขอคําปรึกษากับอัยการและศาล ว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ผิด จึงต้องขอเวลาในประเด็นนี้ ส่วนการพิจารณาออกหมายจับเพิ่มนั้นอยู่ระหว่างพิจารณา ในส่วนของตํารวจที่ช่วยเหลือสารวัตรศิวและรอง ผกก.วศิน ส่งโรงพยาบาลและกลับไปช่วยกํานันนกนั้น หากพบว่ากระทําการดังกล่าวจริงก็ถือว่ามีความผิดและต้องถูกดําเนินคดี
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่ออีกว่า วันเกิดเหตุเชื่อว่าเป็นงานเลี้ยงกินข้าวธรรมดา ไม่ใช่เวลาราชการ แต่ส่วนตัวเห็นว่าแม้จะอยู่นอกเวลาราชการ หากเกิดเหตุยิงหรือใดๆก็ตาม เจ้าหน้าที่ตํารวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันที ส่วนกรณีมีตํารวจขึ้นลํากล้องปืน จากการตรวจสอบวงจรปิดพบว่าเขาไม่เห็นเหตุการณ์แต่ได้ยินเสียงปืน
ซึ่งขึ้นลํากล้องไว้เพื่อเตรียมป้องกันตัวมากกว่า เนื่องจากแฟนเขาเข้าห้องนํ้าอยู่ อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงต่างๆยังไม่ขอด่วนสรุปแต่รับปากจะเร่งดําเนินการให้เร็วที่สุดอย่างละเอียดและเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย และยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือตํารวจนายใดทั้งสิ้น หากช่วยถือว่า “ผมเป็นคนที่ใช้ไม่ได้” ส่วนกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมของตํารวจทุกนายไว้ชัดเจน แม้จะไม่เห็นขณะยิงแต่พยานหลักฐานต่างๆชี้ชัดว่ากํานันนกเป็นผู้สั่งให้นายหน่องยิงสารวัตรศิวจริง และจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าลูกน้องของกํานันนกพกอาวุธปืนแทบทุกคน เจอใครก็ดําเนินคดีทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตำรวจสอบสวนกลางจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งตำรวจและพลเรือน เน้นพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นหลัก ซึ่งจะต้องมาไล่ดูตํารวจทีละนายเพื่อชี้ว่าใครบ้างที่เข้าข่ายกระทําผิด ม.157 ทั้งนี้วันเกิดเหตุตนลงพื้นที่ด้วยตัวเองพบ ผกก.เบิ้ม มีรอยเลือดบริเวณเสื้อและแขน จึงอยากขอให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับ ผกก.เบิ้มด้วย เพราะเขาก็รับผิดชอบในสิ่งที่ทําไปแล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ระบุด้วยว่า เบื้องต้นตํารวจพบข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับการประมูลโครงการของกํานันนกกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่ จ.นครปฐม และพื้นที่อื่นๆ แต่ขอเวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งนี้จะมีการกวาดล้างผู้อิทธิพลในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่ค้นตามจุดเป้าหมายและทิ้งไป แต่เราจะใช้เวลาในการสืบสวนก่อนออกหมายจับจนเข้าตรวจค้นและจับกุมทลายทั้งเครือข่าย โดยจะเริ่มจากผู้ใช้อาวุธปืนข่มขู่ประชาชนเป็นอันดับแรก
อัลบั้มภาพ 29 ภาพ