แม้วหวังศาลเมตตาตัดสินคดียึดทรัพย์

แม้วหวังศาลเมตตาตัดสินคดียึดทรัพย์

แม้วหวังศาลเมตตาตัดสินคดียึดทรัพย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทักษิณ หวังศาลเมตตาตัดสินคดียึดทรัพย์ รับน้อยใจในกรรมที่ไม่ได้สร้าง อัดรัฐบาลอย่าลุ้นมากใช้สารพัดวิธีไล่บี้ พรรคการเมืองใหม่จัดถกคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ฟันธงตุลาการเงินซื้อไม่ได้ เชื่อสมุนทักษิณใช้ตั้งเงื่อนเคลื่อนไหวสู้เฮือกสุดท้าย

(24ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ people channel ทางสถานีประชาชนความตอนหนึ่งว่า หวังว่าอีก 2 วันข้างหน้าจะได้รับความเมตตา ความยุติธรรม รัฐบาลไม่ต้องลุ้นมากเพราะเป็นหน้าที่ของอำนาจตุลาการ แต่รัฐบาลใช้รัฐทำหน้าที่แทน การประชาสัมพันธ์เป็นการเอารัฐมาเล่นการเมือง ก็ต้องขอขอบคุณลูกๆ และผู้ที่ให้การสนับสนุนตน แต่ก็มีความหวั่นไหวบ้าง เสียใจ น้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นกรรมที่ไม่ได้สร้าง

ก.ม.ม.จัดถกยึดทรัพย์ชี้ตุลาการเงินซื้อไม่ได้ ยึดทรัพย์ชี้ตุลาการเงินซื้อไม่

ที่พรรคการเมืองใหม่ ได้จัดสัมมนาเวทีประชาชนกำหนด (Pepople Forum) ครั้งที่ 5 หัวข้อ "ตุลาการภิวัฒน์กับวาทะกรรม 2 มาตรฐาน" มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ประธานสภาอาจารย์ และรองศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา นายไพศาล พืชมงคล นักคิดนักเขียน และ นายเธียรธรรม เธียรสิริไชย คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

นายไพศาล กล่าวว่า คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ไม่ใช่เป็นการพิจารณาตามหลักกฎหมายอาญาธรรมดา แต่เป็นไปตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่ประกาศยึดอายัดไว้ก่อน ขณะที่คนเสื้อแดงอ้างว่า ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามกระบวนการยึดอายัดทรัพย์ ทราบว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 19 ธ.ค. มีบิ๊กโม่ง ไปให้ตัวเลขกับคณะปฏิวัติ โดยมีการต่อรองว่า จะยึดหรือไม่ยึด กระทั่งมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีบางรายชื่อต่อรองเข้ามาหมกเม็ด เมื่อ คปค.จับได้จึงมีการออกเป็นประกาศให้มีการยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 รวมทั้งใช้กฎหมายยึดทรัพย์นักการเมืองได้ตามกฎหมายพรบ.ป.ป.ช. 2542 ที่ระบุเอาไว้ นักการเมืองมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ดังนั้นเห็นว่า 2 มาตรฐานเป็นเพียงวาทะกรรมของนักวิชาการบางพวกที่ทำให้สังคมคล้อยตาม โดยดึงอำนาจตุลาการ และดึงชนชั้นอำมาตย์มาเพื่อใช้เคลื่อนไหว

"หลักพิจารณาคดีความของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องพิสูจน์อีกระบบหนึ่งที่แต่ต่างจากกฎหมายอาญาที่ใช้อยู่ทั่วไป เพราะคือระบบการกล่าวหาที่ต้องพิสูจน์ แต่กรณีนี้ถือเป็นระบบไต่สวน ที่ต้องพิสูจน์ให้อำนาจศาลเรียกมาไต่สวน" นายไพศาล กล่าวและว่า

ดังนั้นใครก็ไม่ควรจะไปตำหนิศาลฯ เพราะศาลฯไม่ได้ตั้งมาสมัย คมช. มีมาก่อน ปี 2540 รวมทั้งพรบ.ป.ป.ช.มีมาก่อน แต่กลับมีการเอาประเด็นนี้ไปหลอกกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้ชี้แจง ทำให้มีคนบางกลุ่มเข้าใจผิดว่า ศาล และกฎหมาย ป.ป.ช.นั้นเกิดขึ้นสมัย คมช. อย่างไรก็ตามถ้ามีการยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ย่อมเป็นส่วนที่ร่ำรวยผิดปกติ แต่ส่วนที่ได้แจ้งเอาไว้ ก็ขึ้นอยู่กับการสืบพยาน แต่ข้อเท็จจริง ถ้ามีพิสูจน์แล้วมีทรัพย์สินถึง 2 แสนล้าน มากกว่า 7.6 หมื่นล้าน ตรงนี้อาจพอที่จะยึดทรัพย์ตกเข้าเป็นของแผ่นดิน

ส่วนกรณีกระแสข่าวสินบนศาลนั้น นายไพศาล กล่าวว่า ไม่เชื่อว่า จะมีการติดสินบน เพราะองค์คณะผู้พิพากษาจะภูมิใจในการทำงานที่ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของนักกฎหมาย และสังคมโลก ถือเป็นเกียรติในการตัดสินคดีเช่นนี้ เรื่องนี้รัฐบาลต้องไปจัดการกับพวกที่ไปรณรงค์ไล่ล่าผู้พิพากษา แต่รัฐบาลกลับมาบอกว่า นายสำราญ รอดเพชร อาจพูดหมิ่นศาล ซึ่งมีขบวนการไปพูดผ่านทีวีดาวเทียมรณรงค์คนไล่ล่าศาลกลับไม่ดำเนินการตามกฎหมาย

นายวรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ดาวพฤหัสตามราศีธนูอยู่ มีดาวเสาร์มากุม ถ้าโจรครองเมืองจะเข้ามาซื้อศาลทุกครั้ง ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ปัญหาจะคลี่คลาย กรณี 7.6 หมื่นล้าน เป็นเรื่องตามอำนาจศาล เช่นกรณีของนายรักเกียรติ สุขธนะ เป็นเรื่องของผู้ถูกกล่าวหา ที่มีกระบวนการพิสูจน์เป็นการยึดทรัพย์ทีละชิ้น คนที่ต้องธรณีศาล ฟ้าดินก็ไม่เป็นใจ หากใครที่คิดคดทรยศกับแผ่นดินพวกนั้นจะตายหมด ทั้งนี้หลังวันที่ 26 ก.พ. ถ้าศาลพิจารณายึดทรัพย์ ไม่เชื่อจะเกิดความวุ่นวาย ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่ออก ไม่ยุบสภา และไม่มีปฏิวัติเช่นกัน

นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า การปฏิบัติที่แตกต่างเช่น รัฐบาลเลือกกระทำกับกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม ให้เขารับในสิ่งดีๆ โดยธรรมชาติคนมีโอกาสดี รัฐต้องหานโยบายสาธารณะต่างๆ ให้เขาถือเป็นการปิดช่องว่างในสังคม ขณะที่ด้านไม่มีดี ก็มีกระบวนการที่กำหนดไว้ แต่คนที่จะเข้าถึง ก็มีความแตกต่างกันเพราะคนในสังคมมีสถานภาพทางเศรษฐกิจการเงิน พรรคพวกไม่เท่ากัน ความรู้ความสามารถเป็นปัญหา

"การเมืองเอากระบวนการยุติธรรมมาใช้ อ้างว่า คนที่เสียเปรียบคือ คนที่ความรู้น้อย เงินน้อย พวกก็น้อย โอกาสที่เข้าจะเข้าสู่ความเป็นธรรมจึงมีความยุ่งยากมากกว่า ส่วนพวกที่ช่วยเหลือกันเป็นพวก 2 มาตรฐาน การเอามาพูดในประเด็นการเมือง ไม่ย้อนไปดูว่า เขามีเงินมากกว่า มีพรรคพวกมากกว่า มีความรู้มากกว่า แต่คนพวกนี้ไม่สามารถใช้ความได้เปรียบไปถึงคำพิพากษาที่อยากได้ จึงมาบอกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงบอกว่า 2 มาตรฐาน" นายทวีศักดิ์ กล่าวและว่า เวลามีการพิพากษาตัดสินผู้ใด ศาลจะต้องมีคำพิพากษาส่วนบุคคล ในองคณะที่ใช้เหตุผลข้อเท็จจริงที่สามารถดูได้ จะไม่ใช่โหวต และตรวจสอบไม่ได้ ดังนั้นตรงนี้เราก็สามารถมาช่วยกันดูว่าจะมีแนวโน้มจริงหรือไม่จริงในกระแสข่าวติดสินบน

นายเธียรธรรม กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่ใช้พลังของประชาชน ที่ใดไม่มีพลังประชาชน ที่นั้นจะไม่มีความเป็นธรรมถ้าตอนนั้นพ.ต.ท.ทักษิณเสียภาษี 2 หมื่นล้านบาท เขาจะเป็นวีระบุรุษ แต่นี้ต้องมาเสียมากถึง 7.6 หมื่นล้าน ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณมีมาตรฐานเดียว ที่ต้องการชนะตลอดกาล จึงเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นมาตรฐานเดียว ไม่ใช่ 2 มาตรฐาน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หลังวันที่ 26 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่จบ เพราะเขาต้องการเข้ามาเป็นชนชั้นปกครองเหมือนเดิม ส่วนกระแสข่าวติดสินบนศาล เชื่อว่าองค์คณะศาลจะไม่รับ เพราะเป็นคดีประวัติศาสตร์ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามทุกวิถีทาง เช่น ตีข่าวเพื่อจะฟ้องศาลโลก พอเขาติดสินบนไม่ได้ จึงประกาศข่มขู่ไว้ก่อน เพราะเป็นมาตรฐานที่ซื้อไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook