น.1ได้ภาพสเกตซ์มือบึ้มธ.กรุงเทพสีลมแล้ว
ตำรวจได้ภาพมือปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลมแล้ว เชื่อว่า สาเหตุที่ก่อเหตุ เป็นส่วนหนึ่งของทางการเมือง
พล.ต.ท .สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ความคืบหน้าล่าสุด เหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าสู่ธนาคารกรุงเทพ 4 จุด เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพสเกตช์คนร้ายจากกล้องวงจรปิด สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาแล้ว ระบุ เป็นชาย 1 คน ก่อเหตุบริเวณธนาคารกรุงเทพสาขา สีลม โดยจุดอื่นๆ มีความคืบหน้าไปมากแล้วเช่นกัน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุบริเวณสาขาสีลม และ พระประแดง เป็นคนร้ายกลุ่มเดียว เพราะมีการแต่งกายคล้ายกัน อีกทั้ง รู้กลุ่มเป้าหมายที่ก่อเหตุแล้ว ด้วยแต่เชื่อว่า สาเหตุที่ก่อเหตุ เป็นส่วนหนึ่งของทางการเมือง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเหตุปาระเบิด ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พาณิชย์พระนคร และคนร้ายลอบวางระเบิด ซีโฟร์ ข้างศาลฎีกาหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 19.30 น. วันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระจายกำลัง ตรวจอาชญากรรมทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ภายหลังการ การประชุมร่วมกับนายตำรวจ ระดับผู้กำกับการ ทุกสถานีตำรวจ จำนวน 88 สถานี เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ เหตุคนร้ายปาระเบิด เข้าใส่ธนาคารกรุงเทพ 4 สาขา เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยระบุว่า ล่าสุด จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ เป็นชาย 2 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะในการก่อเหตุ สวมเสื้อสีน้ำเงินออกดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว พร้อมนำภาพสเกตช์คนร้าย 1 ใน 2 คน ระบุ เป็นชายไทย อายุ 30 ปีเศษ สูง 170 ซ.ม. ไว้ผมรองทรง โหนกแก้มสูง จมูกโต คาดเป็นมือปาระเบิด แจกจ่ายให้กับนายตำรวจทุกสน. เพื่อให้ประชาชนที่พบเห็น แจ้งเบาะแสได้
นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งเด็ดขาดไปยังทุกสน. ห้ามไม่ให้เกิดเหตุปาระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพ ในทุกพื้นที่ สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลขึ้นอีก หากเกิดเหตุการณ์ นายตำรวจระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการฝ่ายปราบปรามสารวัตรสืบสวนสอบสวน และรองผู้กำกับการในพื้นที่ ที่รับผิดชอบ จะถูกย้ายให้มาปฏิบัติราชการ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นระยะเวลา 30 วัน เพราะถือว่า ไม่ดูแลพื้นที่รับชอบ
อย่างไรก็ตาม โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวด้วยว่า ทุกสน.ต้องติดตามตรวจสอบดูแลบุคคลสำคัญ และพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะ นักธุรกิจที่เป็นคู่กรณีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับการตัดสินคดียึดทรัพย์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย