เปิดใจนายจ้าง หญิงเมียนมาเหยื่อกราดยิงพารากอน ลั่นไม่สนเป็นเด็ก เอาผิดถึงที่สุด

เปิดใจนายจ้าง หญิงเมียนมาเหยื่อกราดยิงพารากอน ลั่นไม่สนเป็นเด็ก เอาผิดถึงที่สุด

เปิดใจนายจ้าง หญิงเมียนมาเหยื่อกราดยิงพารากอน ลั่นไม่สนเป็นเด็ก เอาผิดถึงที่สุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายจ้างหญิงเมียนมาที่เสียชีวิต เผยลูกน้องเป็นคนเก่ง พูดได้หลายภาษา ตอนเกิดเหตุเอาเงินไปเข้าธนาคารในห้าง

(3 ต.ค.66) เวลา 21.50 น. นายจ้างของผู้เสียชีวิตที่เป็นหญิงชาวเมียนมา ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความกับตำรวจเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ สน.ปทุมวัน และติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบตำรวจ ว่า ตนเองเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด เมื่อตอนเย็นน้องบอกจะไปฝากเงินที่ห้าง พอตนได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุ ก็พยายามติดต่อผู้เสียชีวิต แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนั้นยอมรับว่า ใจไม่ดี

จนมีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาแจ้งว่า เจ้าของเบอร์นี้ถูกยิง ตนจึงได้ถามกลับว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยแจ้งเพียงว่า ให้รีบเดินทางมาพร้อมญาติ ซึ่งเซนส์ก็ทำให้พอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงรีบเดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน

ส่วนมองว่า ทางห้างหละหลวม เรื่องของความปลอดภัยหรือไม่ จ้างบอกว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องของความหละหลวม น่าจะเป็นเด็กลักลอบเข้ามามากกว่า ตนยังไม่รู้ความจริงอะไรเลย

สำหรับการช่วยเหลือ นายจ้างตั้งใจไว้อยู่แล้ว ว่าจะแจ้งความบุคคลที่ยิง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต แต่ส่วนตัวก็จะจ่ายให้พ่อแม่ของน้องเดือนละ 10,000 บาท ตามพี่น้องเคยทำมา ให้เสมือนน้องเขามีชีวิตอยู่

นายจ้าง ยังกล่าวต่อด้วยว่าที่ผ่านมาน้องผู้เสียชีวิตเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เป็นเด็กน่ารัก มีความสามารถพูดได้หลายภาษา ดังนั้น ผู้ที่ทำให้เขาเสียชีวิตต้องรับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ตอนนี้อยากทราบว่ายิงเพราะอะไร แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องของการโกรธแค้นแน่นอน เขาเป็นเด็กไม่มีเรื่องกับใครช่วยเหลือคนมาตลอด ตอนนี้ตนยังไม่กล้าบอกแม่เขาเลย

ตอนเห็นคลิปตำรวจบอกผู้ก่อเหตุว่าปลอดภัยแล้ว อยากย้อนถามว่าใครปลอดภัย น้องคนยิงปลอดภัย ​อาจจะปลอดภัย แต่น้องของพี่ยังไม่ได้ปลอดภัยเลย ถ้าไม่ได้เงินจากตรงนี้ จะมาแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ ตนไม่สนใจว่าจะเป็นเด็กหรือไม่เด็ก

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากให้คนไปฝากเงินที่ห้างอีก นายจ้างกล่าวว่า กังวลอยู่แล้ว เพราะเป็นชีวิตคน ไม่ว่าต่างชาติหรือคนไทย หากหาแนวทางที่รัดกุมได้ ก็เป็นเรื่องดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook