ท่านเรวัช ลั่น ป่วยยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าเขา ถามห่วงแต่เด็ก ไม่คิดถึงญาติคนตายหรือ

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด มาพูดคุยในรายการโหนกระแส ถึงกรณีเด็กวัย 14 ปี ก่อเหตุยิงในศูนย์การค้าดัง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจหลากหลายประเด็น

ประเด็นแรกเป็นเรื่องการขาย "แบลงค์กัน" หรือโมเดลปืน ที่ซื้อขายกันได้เสรี ไม่ผิดกฎหมาย แต่สามารถเอามาดัดแปลงเป็นอาวุธปืนฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้กรมการปกครองต้องไปดูให้ดีว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ถึงเวลาหรือยังที่จะทำให้แบลงค์กันผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้า เพราะทุกวันนี้ มีเงินแค่ 4-8 พันบาท ก็ได้แบลงค์กันดัดแปลงมาใช้ยิงกันได้แล้ว

อีกประเด็นคือเรื่องของการซื้อกระสุนปืน เรื่องนี้ ท่านเรวัชพุ่งเป้าไปที่สนามซ้อมยิงปืน โดยระบุว่า ปล่อยให้เด็กอายุเท่านี้มาซื้อกระสุนได้ยังไง แล้วการซื้อกระสุนในสนามยิงปืน มันต้องยิงในสนาม เอาออกไปข้างนอกไม่ได้ สนามปืนต้องถูกดำเนินการ สั่งปิด แล้วสอบสวนความผิดด้วยและเมื่อดูจากคลิปที่เห็นเด็กคนนี้ยิงปืนในสนามซ้อม พล.ต.ท.เรวัช และ พล.ต.ต.วิชัย มองว่า เด็กคนนี้ฝึกซ้อมยิงปืนมาจนชำนาญ สังเกตกลุ่มกระสุนเข้าเป้าเกาะกลุ่ม

พล.ต.ท.เรวัชบอกว่า เจ้าหน้าที่สนามซ้อมยิงปืน อาจจะแอบเอากระสุนมาขาย ได้ราคาแพงกว่าปกติ แอบขายหาผลประโยชน์ กฎหมายกำหนดป้องปรามไว้หมดแล้ว แต่มันก็แอบขาย แอบทำ หรือไม่ก็แอบซื้อในสนามยิงปืนมายิงในสนาม อาจจะซื้อ 3 กล่อง ยิงในสนามแค่ 2 กล่อง แล้วแอบเอาออกมา 1 กล่อง แบบนี้ก็เป็นไปได้

วิธีการตรวจสอบไม่ยาก พนักงานสอบสวนที่ไปค้นบ้านเด็ก สามารถดูเลขลอตข้างกล่องกระสุนได้เลย แล้วถามไปทางโรงงานผลิต ว่าลอตนี้จำหน่ายให้สนามยิงปืนไหน แล้วเด็กซื้อออกมาได้ยังไง

ช่วงท้ายของรายการ ท่านเรวัชยังให้ความเห็นในประเด็นที่ว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ว่าเด็กจะไม่ต้องรับโทษ ทั้งในเรื่องของการเป็นเด็ก และการเป็นผู้ป่วยจิตเวช โดยท่านเรวัชบอกว่า

"คุณหมออาจจะมองมุมหนึ่ง ผมก็มองอีกมุมหนึ่ง ผมต้องปกป้องสังคม มีผู้ป่วยจิตเวช 2 ล้านคน ประเทศมีคน 77 ล้าน ป่วยจิตเวชไปแล้ว 2 ล้าน ผมก็หวาดระแวง คุณจะป่วยอะไรก็ช่าง คุณไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าคนอื่นเขา จะห่วงแต่เด็ก ดูแลแต่เด็ก แล้วคุณไม่เห็นใจญาติคนตายมั่งเล่า มีสิทธิ์อะไรไปฆ่าเขา"