สุวรรณภูมิชี้แจง ลักลอบนำสัตว์ขึ้นเครื่อง ชาวเน็ตจวกยับปกติตรวจยิบ น้ำก้นขวดยังต้องทิ้ง

สุวรรณภูมิชี้แจง ลักลอบนำสัตว์ขึ้นเครื่อง เอกซเรย์พบความผิดปกติแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจกระเป๋า ชาวเน็ตจวกยับ ปกติตรวจเก่ง ตรวจยิบ 

จากเหตุการณ์วุ่นวายไฟลท์บินสุวรรณภูมิ-ไต้หวัน มีการลักลอบขนสัตว์ป่าข้ามชาติ โดยการนำสัตว์หลายชนิด ทั้ง นาก งู และหนู ใส่ถุงดำลักลอบนำขึ้นเครื่องบิน ก่อนจะมีสัตว์หลุดออกมาในห้องโดยสาร

(5 ต.ค.66) เฟซบุ๊ก Suvarnabhumi Airport ได้เผยแพร่เอกสารแถลงการณ์ ระบุ

ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีมีผู้โดยสารลักลอบนำสัตว์ขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทยเวียตเจ็ท ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 เวลา 15.32 น. ปลายทางท่าอากาศยานไต้หวันเถาหยวนนั้น

ทสภ. ได้ตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานตรวจค้น บริษัท รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บรท.) ซึ่งเป็นบริษัทจัดจ้างของ ทสภ. ตามสัญญางานจ้างบริการรักษาความปลอดภัย ผ่านระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ย้อนหลัง พบว่าผู้โดยสารที่นำสัตว์ขึ้นเครื่องดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งได้มีการนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-Ray บริเวณจุดตรวจค้นในเวลาประมาณ 13.45 น. โดยพนักงานวิเคราะห์ภาพเกิดข้อสงสัยจึงส่งกระเป๋าให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำการเปิดกระเป๋า เพื่อพิสูจน์ทราบว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นวัตถุอันตรายหรือวัตถุต้องห้ามหรือไม่ แต่พนักงานคนดังกล่าวมิได้ทำการเปิดตรวจกระเป๋าและอนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจค้นเดินทางขึ้นเครื่องบินต่อไป

ทสภ. ขอเน้นย้ำว่าระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในจุดตรวจค้นของ ทสภ. สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน และขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุต้องห้ามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่กรณีนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานเปิดตรวจสอบกระเป๋าไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ โดย ทสภ. มีคำสั่งให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานทันที และหากผลการสอบสวนพบว่าเป็นการละเลยขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานจะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ทสภ. ขอย้ำเตือนผู้เดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกท่าน ไม่กระทำผิดกฎหมายโดยการลักลอบ นำสัตว์ หรือ ซากสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตขึ้นเครื่องเข้า-ออกนอกประเทศ

หากประสงค์จะนำสัตว์เลี้ยงเดินทาง ขอให้ทำการขออนุญาตให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศ ที่ต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก

อย่างไรก็ตาม หลังมีการเผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าว ก็มีชาวโซเชียลเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่รอบคอบของเจ้าหน้าที่กันเป็นจำนวนมาก หลายคนที่เคยใช้บริการที่ท่าอากาศยานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สัตว์ที่ยังมีชีวิตผ่านเข้าไปได้อย่างไร ทั้งที่ตามปกติแล้ว เจ้าหน้าที่มักจะตรวจเช็กอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่สำรอง สบู่ ครีม ที่เป็นของเหลว แม้แต่น้ำดื่มที่เหลือก้นขวด ก็ถูกให้รื้อนำออกมาทิ้ง 

นอกจากนี้ หลายคนวิตกเรื่องความหละหลวม หากเป็นวัตถุอันตรายลักลอบผ่านขึ้นเครื่องได้ ก็เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตผู้โดยสาร รวมถึงกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้วย