แรงงานไทยเล่านาทีฝ่าห่ากระสุน ที่แท้ฝ่ายอิสราเอลยิง เข้าใจผิดเพราะนั่งหลังกระบะ
รายการ โหนกระแส วันนี้ พูดคุยกรณีเหตุการณ์สงครามในประเทศอิสราเอล หลังมีการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส ทำให้ทางการไทยต้องเร่งให้ความช่วยเหลือแรงงานชาวไทยกว่า 5,000 ชีวิตที่อยู่ในพื้นที่ฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย หลังมีรายงานว่ามีคนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บแล้วหลายราย
แม่ของ "หนุ่ม" หนึ่งในคนไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอล เล่าว่า ตอนแรกลูกชายยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่เขาบอกแม่ว่า เกือบได้ส่งกระดูกกลับบ้าน แม่ก็เลยวิดีโอคอลคุยกับลูกชายตอนนั้นก็ยังปกติดี แต่หลังจากนั้นเขาต้องไปที่แคมป์คนงาน แล้วประสบเหตุรุนแรงมีการกราดกระสุนจนคนงานหลายคนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงหนุ่มด้วย ซึ่งถูกกระสุนยิงเข้าที่ร่างกายหลายส่วน โดยเฉพาะที่ใบหน้า ตอนนี้ยังติดต่อลูกชายไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ขณะที่ นุ หนึ่งในแรงงานไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นเพื่อนของ หนุ่ม เล่าเหตุการณ์ว่า วันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างทำงานอยู่ได้ยินเสียงระเบิด จึงไปขอนายจ้างให้หยุดทำงาน แล้วไปหลบอยู่ที่บ้านของนายจ้าง พอคิดว่าเหตุการณ์คลี่คลายแล้ว ก็พากันนั่งรถกระบะกลับมาที่แคมป์ ระหว่างนั่งหลังกระบะกลับมา กำลังจะถึงหมู่บ้านคนงานอยู่แล้ว ก็มีเสียงคล้ายประทัดดังรัวๆ ตอนแรกยังคิดว่ารถไปเหยียบอะไรหรือเปล่า แต่พอดูแล้วไม่ใช่แน่นอน ดินรอบๆ พุ่งขึ้นเหมือนในหนัง จึงรู้ว่าเป็นการยิงแน่นอน สุดท้ายมารู้ทีหลังว่า คนที่ยิงคือกองกำลังของอิสราเอลเอง เพราะเขาเข้าใจผิดว่าพวกตนเป็นกลุ่มฮามาส ที่เกิดความเข้าใจผิด เพราะรถกระบะที่ใช้ มีลักษณะเหมือนของกลุ่มฮามาสเลย
ตอนเกิดเหตุ หนุ่ม บอกเพื่อนๆ ว่า ไม่ต้องกังวล ใกล้จะถึงที่ปลอดภัยแล้ว แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมองทาง เขาก็โดนกระสุนเข้าที่แก้ม มาทราบภายหลังว่าคนยิงเป็นคอมมานโดของฝ่านอิสราเอล ยิงเพราะเข้าใจผิดว่ารถกระบะขนคนงาน เป็นกลุ่มติดอาวุธฮามาส เพราะกลุ่มนี้ก็จะบรรทุกคนขึ้นท้ายรถกระบะเหมือนกัน
เหตุการณ์นี้คนไทยถูกยิง 4 คน เพื่อนนายจ้างโดนยิงอีกคน รวม 5 คน ในจำนวนนี้มี หนุ่ม รวมอยู่ด้วย แต่หนุ่มยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ทางนายจ้างยืนยันว่าไม่น่าจะถึงแก่ชีวิต แต่ที่ยังติดต่อไม่ได้เพราะเขายังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนมือถือของหนุ่มอยู่กับเพื่อนร่วมงาน
ขณะที่คุณนุ บอกว่า มีเอกสารมีแบบฟอร์มมาจากกระทรวงแล้ว แต่คนไทยที่อยู่ที่นั่นยังรอดูสถานการณ์กันอยู่ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกลับดีไหม