กรี๊ด! เตรียมให้ร้านค้าลงทะเบียนร่วม "เงินดิจิทัล 10,000 บาท" เดือนหน้า พฤศจิกายน 66
![กรี๊ด! เตรียมให้ร้านค้าลงทะเบียนร่วม "เงินดิจิทัล 10,000 บาท" เดือนหน้า พฤศจิกายน 66](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1813/9066126/tagline-template-update-april.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประมาณเดือน พ.ย.2566 จะเริ่มเปิดลงทะเบียนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หลังจากนี้ ยืนยันว่า นโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet สามารถดำเนินการได้ทัน ที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ก.พ.2567
ทั้งนี้โครงการรัฐที่ผ่านมามีประชาชนอยู่ยืนยันตัวตนมาแล้ว 40 ล้านคน ที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลของรัฐ แต่ยังมีผู้ที่ยังไม่อยู่ในระบบฐานข้อมูลอีกประมาณ 10 ล้านคน ด้วยกฎหมายที่กำหนด รัฐบาลยืนยันจะเติมเงินดิจิทัลให้ทุกคนที่มีสิทธิครั้งเดียว 10,000 บาท โดยไม่มีการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวด ๆ แน่นอน
สำหรับนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จำเป็นต้องเปิดให้ลงทะเบียน แต่การลงทะเบียนในโครงการ ไม่เกี่ยวข้องกับการลดจำนวน เพื่อไม่ให้ใช้เงินมากถึง 5.6 แสนล้านบาท ไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากเมื่อเดินหน้าโครงการแล้ว รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินมาเพื่อรองรับอยู่แล้ว โดยไม่ได้รอว่าจะมีจำนวนการลงทะเบียนจำนวนเท่าไหร่
โครงการนี้จะใช้งบประมาณเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้มีตัวเลือกให้กับรัฐบาลหลายทางเลือก แต่จะใช้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือการเกลี่ยงบประมาณและปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567
ยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจ หรือลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจลงโดยการขายหุ้นออกมากเพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการนี้อย่างแน่นอน เบื้องต้นทางเลือกแรกที่รัฐบาลจะใช้คือการเกลี่ยงบประมาณและปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามหลังจากได้งบประมาณที่เป็นไขมันส่วนเกินแล้วจะนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณจะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น
ขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อยู่ระหว่างการทำเรื่องเสนอของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณ
ดังนั้นโครงการใดที่ไม่จำเป็น หรือเป็นไขมันส่วนเกินที่สามารถปรับลดได้หรือตัดได้ โดยนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณจะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น