กรี๊ด! เตรียมให้ร้านค้าลงทะเบียนร่วม "เงินดิจิทัล 10,000 บาท" เดือนหน้า พฤศจิกายน 66
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประมาณเดือน พ.ย.2566 จะเริ่มเปิดลงทะเบียนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หลังจากนี้ ยืนยันว่า นโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet สามารถดำเนินการได้ทัน ที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ก.พ.2567
ทั้งนี้โครงการรัฐที่ผ่านมามีประชาชนอยู่ยืนยันตัวตนมาแล้ว 40 ล้านคน ที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลของรัฐ แต่ยังมีผู้ที่ยังไม่อยู่ในระบบฐานข้อมูลอีกประมาณ 10 ล้านคน ด้วยกฎหมายที่กำหนด รัฐบาลยืนยันจะเติมเงินดิจิทัลให้ทุกคนที่มีสิทธิครั้งเดียว 10,000 บาท โดยไม่มีการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวด ๆ แน่นอน
สำหรับนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จำเป็นต้องเปิดให้ลงทะเบียน แต่การลงทะเบียนในโครงการ ไม่เกี่ยวข้องกับการลดจำนวน เพื่อไม่ให้ใช้เงินมากถึง 5.6 แสนล้านบาท ไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากเมื่อเดินหน้าโครงการแล้ว รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินมาเพื่อรองรับอยู่แล้ว โดยไม่ได้รอว่าจะมีจำนวนการลงทะเบียนจำนวนเท่าไหร่
โครงการนี้จะใช้งบประมาณเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้มีตัวเลือกให้กับรัฐบาลหลายทางเลือก แต่จะใช้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือการเกลี่ยงบประมาณและปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567
ยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจ หรือลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจลงโดยการขายหุ้นออกมากเพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการนี้อย่างแน่นอน เบื้องต้นทางเลือกแรกที่รัฐบาลจะใช้คือการเกลี่ยงบประมาณและปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามหลังจากได้งบประมาณที่เป็นไขมันส่วนเกินแล้วจะนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณจะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น
ขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อยู่ระหว่างการทำเรื่องเสนอของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณ
ดังนั้นโครงการใดที่ไม่จำเป็น หรือเป็นไขมันส่วนเกินที่สามารถปรับลดได้หรือตัดได้ โดยนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณจะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น