ลูกค้าแสบ! ยกครอบครัว 5 คนกินบุฟเฟต์ สั่งเนื้อจุก ๆ 600 จาน ร้านเอะใจ เปิดกล้องแฉ

ลูกค้าแสบ! ยกครอบครัว 5 คนกินบุฟเฟต์ สั่งเนื้อจุก ๆ 600 จาน ร้านเอะใจ เปิดกล้องแฉ

ลูกค้าแสบ! ยกครอบครัว 5 คนกินบุฟเฟต์ สั่งเนื้อจุก ๆ 600 จาน ร้านเอะใจ เปิดกล้องแฉ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครอบครัวแสบกินบุฟเฟต์ 5 คน สั่งเนื้อจัดหนักรวม 600 จาน เจ้าของร้านเอะใจ เช็กกล้องวงจรปิด ก่อนโพสต์แฉเดือด

เว็บไซต์ SAYS รายงานเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นบนโลกออนไลน์ของประเทศมาเลเซีย เมื่อเจ้าของร้านอาหารได้ออกมาโพสต์ แฉพฤติกรรมลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่สั่งอาหารไม่ต่ำกว่า 600 จานจนทางร้านเอะใจและเช็กจากกล้องวงจรปิด จนได้พบว่าพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ธรรมดา

เจ้าของร้านหม้อไฟแห่งหนึ่งในเมืองบินลูติ รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ได้โพสต์เฟซบุ๊กของร้าน เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า “ขอโทษนะ แต่ผมอยากให้สาธารณชนได้รู้เรื่องนี้ ผมรับไม่ได้จริง ๆ ที่ลูก ๆ ของพวกเขาถูกพามาเพื่อขโมยของ“

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ต.ค. เวลา 14.30 น. ลูกค้ากลุ่มนี้มากัน 5 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 3 คน และเด็กอีก 2 คน ซึ่งเจ้าของร้านได้โพสต์ใบเสร็จว่าลูกค้ากลุ่มนี้ได้เข้ามากินอาหารในช่วง Happy Hour ซึ่งทางร้านจัดโปรบุฟเฟต์ ก่อนที่จะสั่งหมู 250 จาน และเนื้อแกะ 350 จาน ในมื้ออาหารดังกล่าว

ค่าอาหารมื้อนั้นอยู่ที่ 163.3 ริงกิต (ประมาณ 1,250 บาท) โดยแบ่งเป็นราคาสำหรับผู้ใหญ่ หัวละ 39.42 ริงกิต (ประมาณ 300 บาท) และเด็กหัวละ 26.82 ริงกิต (ประมาณ 200 บาท) โดยมีส่วนลดสำหรับสมาชิกให้อีก 5 เปอร์เซ็นต์

เจ้าของร้าน กล่าวว่า ทางร้านและพนักงานก็รู้สึกเอะใจแปลก ๆ เมื่อลูกค้าโต๊ะนี้สั่งอาหารจำนวนมาก แต่ก็ยอมนำอาหารไปเสิร์ฟตามออร์เดอร์ เพราะคิดว่าคนเหล่านี้อาจจะกินจุก็ได้

จนกระทั่งเขาไปย้อนดูภาพวงจรปิด หลังจากนั้นจึงพบว่าจริง ๆ แล้วอาหารทั้งหมดลูกค้าทานไปเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ที่เหลือลูกค้าได้นำใส่ลงถุงไปจนหมด

"ประเด็นหลักคือพวกเขาเตรียมตัวมาทำเรื่องแบบนี้ ผมลองดูในภาพวงจรปิด เห็นชัดว่าเด็ก ๆ แอบยัดเนื้อสัตว์ลงถุงพลาสติกที่อยู่ใต้โต๊ะ พวกเขาต้องการนำอาหารกลับไปกินหรือเปล่า?"

นอกจากนี้ โพสต์ดังกล่าวเจ้าของร้านได้ทิ้งท้ายแสดงความผิดหวังที่ลูกค้าทำเรื่องแบบนี้ แถมยังสอนให้ลูกหลานเป็นขโมย

"คุณต้องรู้ว่าบินลูตูเป็นสถานที่เล็ก ๆ คุณรู้จักผม และผมก็รู้จักคุณ แค่การทำธุรกิจก็ลำบากพออยู่แล้ว ทำไมคุณต้องทำให้เรื่องยากขึ้นสำหรับผมด้วยล่ะ?"

"ตอนนี้ทุกคนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดังนั้นผมจึงพยายามทำอาหารราคาประหยัดให้ผู้คนได้กินจนอิ่ม โดยไม่ต้องควักเงินจากกระเป๋าของตัวเองมากเกินไป"

เขาหวังว่าการออกมาเปิดโปงพฤติกรรมดังกล่าวของลูกค้ากลุ่มนี้ จะเป็นบทเรียนสำหรับครอบครัวอื่น ๆ ให้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีกับบุตรหลานของตน

ทั้งนี้ สำหรับครอบครัวหัวขโมยดังกล่าว ต่อให้เข้ามาเสนอเงินชดเชยให้ทางร้าน ทางร้านก็ยังคิดอยู่ว่าควรจะแจ้งตำรวจดีหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook