อี้ร้อง จดหมายลายมือ "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" หลุดจากเรือนจํา มีตราประทับ "ตรวจสอบแล้ว"

"อี้ แทนคุณ" ร้องตํารวจกองปราบฯ ตรวจสอบจดหมาย "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" หลุดออกจากเรือนจํา ส่งผลเสียต่อรูปคดี

วันนี้ (16 ต.ค. 66) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนผู้เสียหายคดี “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” หลอกร่วมลงทุน นําเอกสารหลักฐานซึ่งเป็นจดหมายโน้มน้าว ที่เขียนด้วยลายมือของนายประสิทธิ์ ที่ส่งให้กลุ่มผู้เสียหาย ในคดีกว่า 200 ฉบับ และเอกสารทุกฉบับมีการปั๊มตรา “ตรวจสอบแล้ว” จากเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ มายื่นให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ตรวจสอบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่และเป็นการกระทําผิดตามกฎหมายฐานนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จด้วยหรือไม่

นายแทนคุณ กล่าวว่า คดีนี้มีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้าน ซึ่งอยู่ในกระบวนการของศาล โดยทรัพย์สินของนายประสิทธิ์ ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์เอาไว้ทั้งหมด เพื่อรอนํามาเฉลี่ยให้กับผู้เสียหาย ก่อนหน้านี้นายประสิทธิ์เคยระบุว่าตนเองไม่มีทรัพย์สินเหลือแล้ว แต่เหตุใดวันนี้จึงมีจดหมายโน้มน้าวผู้เสียหาย ซึ่งในจดหมายดังกล่าวเขียนลักษณะโน้มน้าว เพื่อให้ผู้เสียหายถอนแจ้งความและอ้างจะคืนเงินให้จํานวน 5 รอบ

โดยมอบหมายให้คนสนิทซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร สส. กทม. เป็นผู้ดําเนินการจ่ายเงินคืนผู้เสียหายตามที่ระบุไว้ในจดหมาย และจากเอกสารที่ตนไปสืบค้นหามาพบว่าหลังจากที่นายประสิทธิ์ ถูกดําเนินคดีไปแล้วนั้น มีอยู่ 1 บริษัท ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารจากนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เป็นบุคคลอื่นแทน ซึ่งหากทรัพย์สินของนายประสิทธิ์ ถูกยึดทรัพย์ไปหมดแล้วเหตุใดจึงยังมีการดําเนินการในกิจการดังกล่าวอยู่ อีกทั้งยังมีการออกหนังสือแต่งตั้งกรรมการคนใหม่ขึ้นมาได้ จึงขอฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ดําเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งดําเนินคดีการละเมิดอํานาจศาลของกลุ่มบุคคลที่ให้การช่วยเหลือนายประสิทธิ์หลบหนีออกจากศาลอาญาด้วย

นายแทนคุณ กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ตนนําจดหมายดังกล่าวไปปรึกษากับอัยการ ซึ่งอัยการระบุว่าเอกสารเหล่านี้ถือเป็นการหลอกลวงผู้เสียหายซํ้าซากและทางกรมราชทัณฑ์ปล่อยให้ จดหมายดังกล่าวหลุดออกมาจากเรือนจําได้อย่างไร จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อคดี เพราะล่าสุด มีผู้เสียหายหลงเชื่อจดหมายดังกล่าวและถอนแจ้งความไปแล้วกว่า 100 ราย ซึ่งทําให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถสรุปสํานวนคดีได้ และต้องกลับมาแก้ไข้สํานวนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีผู้ถอนแจ้งความ ก็จะทําให้คดีล่าช้าและทําให้ผู้เสียหายที่รอการเฉลี่ยทรัพย์คืนต้องรอต่อไปอย่างไม่มีกําหนด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้อ่านข้อความในจดหมายดังกล่าวพบมีการเขียนโน้มน้าวผู้เสียหายจริง และมีท่อนหนึ่งเขียนด้วยปากกาหมึกสีแดงด้วยว่า “หากข้าพเจ้าไม่ได้ประกันตัวตามกําหนด ให้ระงับพร้อมเลื่อนการจ่ายเงินตามเหมาะสม โดยจะค้นหาวิธีการจ่ายเงินคืนใหม่อีกครั้ง”