แรงงานเหยื่อฮามาสวิญญาณเฮี้ยน ไฟดับ-ตู้เขย่าเอง หลังกงสุลโทรแจ้งเมีย รอรับศพกลับไทย

แรงงานเหยื่อฮามาสวิญญาณเฮี้ยน ไฟดับ-ตู้เขย่าเอง หลังกงสุลโทรแจ้งเมีย รอรับศพกลับไทย

แรงงานเหยื่อฮามาสวิญญาณเฮี้ยน ไฟดับ-ตู้เขย่าเอง หลังกงสุลโทรแจ้งเมีย รอรับศพกลับไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แรงงานเหยื่อฮามาสวิญญาณเฮี้ยน ไฟดับ-ตู้เขย่าเอง หลังกงสุลโทรแจ้งเมีย รอรับศพกลับไทย ก่อนหน้านี้เข้าฝันทุกคืน แถมได้กลิ่นชัดเจน

จากกรณีเช้ามืดวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กลุ่มฮามาส บุกโจมตีอิสราเอล ทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน มีการบุกเข้ามายิง ทำให้มีพลเมืองผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้งแรงงานไทยที่ไปขุดทองในอิสราเอล ซึ่งมีแรงงานชาวอุดรธานี ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกเข้าแคมป์คนงานไทย ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตในห้องพักรวม 6 คน โดยศพ 1 ใน 6 ตามคลิปภาพถูกระบุว่าเป็นศพของนายชัยรัตน์ หรือ ปู อายุ 39 ปี ชาว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี

หลังจากถูกยิงเสียชีวิตได้ 1 วัน วิญญาณก็มาเข้าฝัน นางสาวเอื้อนจิตร อายุ 41 ปี ภรรยาทุกคืนว่า ตนเองยังไม่เสียชีวิต และรอคนมาช่วยออกจากห้องหลบภัยกับเพื่อนรวม 6 คน แต่ความเป็นจริงทั้งหมด 6 คน ถูกกลุ่มฮามาสยิงเสียชีวิตในห้องหลบภัยทั้งหมดแล้ว โดยนางสาวเอื้อนจิตรฯ วอนรัฐบาล หากเป็นไปได้อยากให้นำร่างสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ไม่อยากได้เพียงเถ้ากระดูกสามี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 171 ม.9 บ.โนนสูง ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายชัยรัตน์  หรือปู อายุ 39 ปี แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกยิงเสียชีวิตกองกันอยู่ภายในห้องพักรวมกับเพื่อนๆ โดยมีเพื่อนบ้านและญาติได้ช่วยกันจัดสถานที่บำเพ็ญกุศลอยู่ข้างบ้าน โดยนำเต็นท์มากางให้แขกที่จะมาร่วมงาน และนำเตียงมาให้พระภิกษุนั่งสวดอภิธรรมในวันที่ 20-22 เป็นเวลา 3 วัน และจะทำการฌาปนกิจศพในวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม นี้

หลังจากช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เวลา 01.00 น. (19 ต.ค. 66) เจ้าหน้าที่กงสุลไทยในประเทศอิสราเอล โทรมาแจ้งข่าวกับนางสาวเอื้อนจิตร  ภรรยานายชัยรัตน์ ให้ทราบว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลไทยและรัฐบาลอิสราเอล จะดำเนินการส่งศพแรงงานไทยกลับภูมิลำเนา 8 ราย โดย 1 ในนั้นระบุชื่อนายชัยรัตน์ โดยศพแรงงานไทยทั้งหมด จะเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ช่วงเช้าวันที่ 20 ตุลาคม นี้ และให้รอรับศพสามีอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าศพจะถึงบ้านช่วงค่ำวันเดียวกัน

โดยนางสาวเอื้อนจิตร ภรรยานายชัยรัตน์ ที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังไม่ทันตั้งตัว ได้นำรูปภาพของสามี ที่เตรียมไว้ที่หน้าโลงศพ ออกมาตั้งที่หน้าบ้าน แล้วจุดธูปบอกดวงวิญญาณสามีว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เพราะฉันรู้อยู่ว่าเธอรักและเป็นห่วงฉันมาก แต่เราอยู่กันคนละภพแล้ว ขอให้ดวงวิญญาณเธอไปสู่สุขติ ชาตินี้เราสองคนอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ก็มาจากกันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หากชาติหน้าภพหน้ามีจริง ก็ขอให้กลับมาเป็นคู่ครองรักกันเหมือนเดิม แต่ขอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนานกว่าชาตินี้ ให้เธอไปรอฉันในชาติหน้า ไม่นานฉันก็จะตามไปอยู่กับเธอ ทุกภพทุกชาติไปตลอดกาลนาน” ก่อนจะกอดรูปสามีร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

นางสาวเอื้อนจิตร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ขอบคุณรัฐบาลไทย และรัฐบาลอิสราเอล นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี และในประเทศอิสราเอล ที่ช่วยดำเนินการนำร่างสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปรับศพที่สนามบินสุวรรณภูมิ และจะฌาปนกิจศพสามีในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม นี้ ตั้งแต่ทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิตไป เขาก็มาเข้าฝันทุกวัน แถมยังบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ ล่าสุดมาเข้าฝันกลางดึกคืนวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในฝันสามีเดินเข้ามาในห้องนอนตน แล้วมาดอกด้านหลังตน นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ตนก็ได้พูดปลอบใจสามีไปว่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เราอยู่คนละภพภูมิแล้ว

”ก่อนสามีจะพาดวงจิตของตนไปยังที่เกิดเหตุ ภายในห้องพักที่เขาหลบภัยอยู่กับเพื่อนรวม 6 คน ในฝันตนรู้สึกชาไปทั้งตัว เหมือนถูกผีอำ และขยับตัวไม่ได้ ตนเห็นท่าไม่ดี จึงท่องบทสวดมนต์ ก่อนร่างกายจะผ่อนคลายคืนปกติ และได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา หลังนอนหลับไปเพียง 5 นาที จากนั้นได้มีกลิ่นตัวของสามีตามมา เชื่อว่าเป็นวิญญาณของสามีที่ทำให้ได้กลิ่น ทั้งที่ตนได้เก็บเสื้อผ้าสามี เพื่อเตรียมไว้ประกอบพิธีทางศาสนาแล้วในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน แต่ทุกคืนวันที่ผ่านมาก็ไม่มีกลิ่นตัวสามีรุนแรงขนาดนี้”

นางสาวเอื้อนจิตร  เปิดเผยต่อว่า ต่อมาเวลา 01.00 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่กงสุลไทยในประเทศอิสราเอล โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะนำร่างสามีกลับประเทศไทย รวมกับแรงงานคนอื่นๆที่เสียชีวิต 8 คน แต่มีคนอุดรธานี 2 คน คือสามีตนและนายอนุชา ชาว อ.กุมภวาปี หลังจากนั้นไฟในห้องนอนก็ดับ ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งสั่นและมีเสียงดัง จากนั้นไม่นานไฟก็มา ตนเชื่อว่าวิญญาณสามีจะมาบอกให้รับรู้ว่า กำลังจะเดินทากลับบ้าน ตนจึงบอกดวงวิญญาณสามีไปว่า รับรู้แล้วไม่ต้องเป็นห่วง พอตื่นเช้ามาก็บอกญาติพี่น้องเตรียมรอรับศพสามีกลับบ้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook