พระราชประวัติ มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย นักปฏิรูปเปื้อนเลือด ผู้กุมอำนาจตัวจริง
สมเด็จเจ้าฟ้าโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซะอูด มกุฎราชกุมาร แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงเป็นที่รู้จักในนามเจ้าฟ้านักปฏิรูป ที่ทรงมีแผนการพลิกประเทศให้ทันสมัยหลายโครงการ ขณะเดียวกัน ก็ยังทรงถูกครหาถึงความโหดเหี้ยมเด็ดขาดจากการปราบปรามผู้เห็นต่าง และหลายกรณีก็รุนแรงถึงชีวิต
เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. 2566 เจ้าชายมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียพระองค์นี้ก็ทรงพบปะกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ที่เดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ประเทศรอบอ่าวเปอร์เซีย ที่กรุงริยาด ดังนั้นเราจึงน่าจะมาทำความรู้จักกับสมาชิกระดับสูงแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียพระองค์นี้ ที่ว่ากันว่าขณะนี้ทรงเป็นผู้กุมอำนาจของประเทศตัวจริง กันสักนิด
สมเด็จเจ้าฟ้าโมฮาเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซะอูด มกุฎราชกุมาร แห่งซาอุดีอาระเบีย ประสูติเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2528 (1985) ทรงเป็นพระโอรสพระองค์แรกของพระนางฟาห์ดา บินต์ ฟาลาห์ อัล ฮิธลีน ชายาคนที่ 3 ในสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซิซ อัล ซะอูด
หลังทรงสำเร็จการศึกษาระดับมัธยม ก็ทรงศึกษาต่อด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยกษัตริย์ซะอูด ก่อนทรงเริ่มธุรกิจ และตั้งบริษัทหลายแห่งและองค์กรไม่แสวงกำไรองค์กรหนึ่ง ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมผู้ประกอบการในซาอุดีอาระเบีย
Carlos Alvarez/Getty Images
เมื่อปี 2552 ทรงเข้าสู่แวดวงการเมืองในฐานะที่ปรึกษาพิเศษของพระราชบิดา ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดริยาดด้วย ต่อมาเมื่อปี 2556 ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสำนักงานมกุฎราชกุมาร และปี 2558 ทรงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองมกุฎราชกุมาร
หลังจากพระราชบิดาทรงขึ้นครองราชสมบัติซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2558 ได้ 2 ปี เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมาร
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสุขภาพของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งซาอุดีอาระเบีย ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารพระองค์นี้ทรงขึ้นมามีอำนาจแทน และทรงกลายเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริง โดยระหว่างที่ทรงทำหน้าที่แทนพระราชบิดา ทรงใช้พระราชอำนาจหลายด้าน ทั้งการใช้คำสั่งทางปกครอง การแต่งตั้งโยกย้ายบุคคลสำคัญ การบัญชาการกองทัพ การควบคุมนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยอย่างจริงจัง เช่น โครงการวิสัยทัศน์ 2030
โครงการวิสัยทัศน์ 2030 เป็นการปฏิรูปประเทศในหลายๆ ด้าน โดยแบ่งได้ 3 กลุ่มหลักดังนี้
- กระจายช่องทางทำเงินเข้าประเทศ
- ส่งเสริมธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน เช่น การท่องเที่ยว ความบันเทิง และเทคโนโลยี
- ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
- แปรรูปรัฐวิสหากิจ
- ปฏิรูปด้านสังคม
- ยกเลิกข้อกำหนดที่ห้ามผู้หญิงขับรถ
- อนุญาตให้ผู้หญิงร่วมชมการแข่งขันกีฬาและคอนเสิร์ต
- ผ่อนคลายมาตรการแบ่งแยกเพศในการใช้สถานที่สาธารณะ
- การริเริ่มด้านอื่นๆ
- ลงทุนด้านการศึกษาและฝึกอบรมเพื่อเตรียมแรงงานในประเทศให้พร้อมกับอุตสาหกรรมในอนาคต
- ส่งเสริมกิจกรรมและงานด้านวัฒนธรรม
- ขยายทางเลือกด้านความบันเทิงให้กับพลเมืองและผู้มีถิ่นพำนักในประเทศ
Darren Arthur/Getty Images
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารนี้ก็ทรงเผชิญกับข้อครหาหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ การเข้าไปแทรกแซงการเมืองในประเทศเยเมน การปิดกั้นการเดินทางเข้าออกประเทศกาตาร์ และการจับกุมบุคคลที่มีชื่อเสียงของซาอุดีอาระเบียหลายคน เช่น เจ้าฟ้าชายอัลวาลีด บิน ตาลาล และบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้หญิง ทั้งยังถูกสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารนักข่าวชื่อนายจามาล คาชอกกี เมื่อปี 2561
Chris McGrath/Getty Images
แม้เรื่องเหล่านี้เขย่าความเชื่อมั่นในตัวพระองค์พอสมควร แต่สมเด็จเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมาร ยังทรงเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในซาอุดีอาระเบียเช่นเดิม