รู้จัก SLE โรคแพ้ภูมิตัวเอง หาสาเหตุไม่ได้ โรคร้ายที่คร่าชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์
รู้จักโรค SLE แพ้ภูมิตัวเอง หาสาเหตุไม่ได้ โรคร้ายที่คร่าชีวิตราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในวัยเพียง 30 ปี
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ถือเป็นโรคร้ายอีกโรคหนึ่งที่ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่มีข้อบ่งชี้แสดงอาการป่วยของร่างกายในหลายๆ อวัยวะร่วมกันโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน หรือต่างช่วงเวลาก็ได้ มีอาการเป็นๆ หายๆ ของแต่ละอาการเป็นระยะ และอาการรุนแรงของโรคที่แตกต่างกัน อาจมีข้อบ่งชี้โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE ได้
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) คืออะไร?
โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือ โรคลูปัส เป็นโรคภูมิคุ้มกันทําลายตนเองหรือโรคแพ้ภูมิตนเอง ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยภูมิคุ้มกันของคนๆ นั้นทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกายของตัวเองจนเกิดการอักเสบ และสามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับอวัยวะได้ทั่วร่างกาย พบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยร่วมอื่นๆ เพิ่มเติมที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคได้ เช่น กรรมพันธุ์ (อาจจะมีสารพันธุกรรมบางชนิดที่สัมพันธ์กับการเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง)
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แสงแดด การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรีย การได้วัคซีน การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด ส่วนปัจจัยที่กระตุ้นให้โรคกำเริบมากขึ้น ได้แก่ การติดเชื้อภายในร่างกาย และ แสงแดด เป็นต้น ในโรคนี้ร่างกายของผู้ป่วยมีการสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Antinuclear antibody ที่ใช้ในการวินิจฉัยโรค
อาการของโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
อาการของโรคจะแสดงความผิดปกติในร่างกายในหนึ่งอวัยวะหรือหลายอวัยวะ ที่พบได้บ่อยคือ
- ปวดข้อ
- เป็นไข้ตั้งแต่ไข้ต่ำๆ จนถึงไข้สูง
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- เกิดผื่นผิวหนังตามใบหน้า แขน ขา ที่อยู่บริเวณนอกเสื้อผ้า
- ผมร่วง
- มีสภาวะเลือดจาง
- เม็ดเลือดขาวต่ำ
- มีเกล็ดเลือดต่ำ
- ถ้าโรครุนแรง อาจมีเม็ดเลือดแดงแตก ปอดอักเสบ ไตอักเสบ
การรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
การวินิจฉัยต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นสำคัญ ส่วนใหญ่แพทย์จะวินิจฉัยจากประวัติของผู้ป่วย การตรวจร่างกายพบรอยโรคร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ปัสสาวะ การตรวจเอกซเรย์หัวใจและปอด เป็นต้น
SLE เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องมีการติดตามการรักษาสม่ำเสมอ เพราะการรักษาอย่างสม่ำเสมอสามารถทำให้โรคสงบได้ โดยเริ่มจากประเมินความรุนแรงของอาการที่ผู้ป่วยเป็นว่ามากน้อยแค่ไหน เพราะอาการของแต่ละคนจะมีความรุนแรงของโรคไม่เท่ากัน หลังจากนั้นจึงจะวางแผนการรักษาและการให้ยา ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากและเกิดการอักเสบของร่างกายในหลายระบบ แพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิเพื่อคุมโรค ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละคนจึงได้ยาแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค
ข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
-
ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
-
หลีกเลี่ยงการออกแดด
-
ลดและหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโดยการทานอาหารที่สะอาด
-
รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
-
ไม่ลดหรือเพิ่มยาเอง
-
มาตรวจหรือพบแพทย์ตามนัดอย่าให้ขาด การพบแพทย์และได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ทำไมจึงเรียกว่าโรคพุ่มพวง
โรคแพ้ภูมิตัวเองเป็นชื่อในเชิงทางการ แต่โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเรียกว่า “โรคพุ่มพวง” ซึ่งเรียกตามกันมาจากชื่อของนักร้องไทยชื่อดังในอดีต “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่ป่วยเป็นโรคนี้ และเสียชีวิตลง
พุ่มพวง ดวงจันทร์ ห่างหายจากวงการไปหลังปลายปี พ.ศ. 2534 เนื่องจากป่วยด้วยโรค SLE ในช่วงวาระสุดท้ายได้ตัดสินใจเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อไปเยี่ยมบุตรชาย รวมทั้งระหว่างทางเธอตัดสินใจอยากไปกราบพระพุทธชินราช ทั้งที่อาการของเธอทรุดลง และระหว่างทางก่อนถึงตัวเมืองพิษณุโลก ในช่วงเวลา 12.55 น. พุ่มพวงเกิดอาการกำเริบหมดสติ ญาติจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก และเสียชีวิตในคืนวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เวลา 20.55 น. สิริอายุเพียง 30 ปี