รู้จัก SLE โรคแพ้ภูมิตัวเอง หาสาเหตุไม่ได้ โรคร้ายที่คร่าชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์

รู้จัก SLE โรคแพ้ภูมิตัวเอง หาสาเหตุไม่ได้ โรคร้ายที่คร่าชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์

รู้จัก SLE โรคแพ้ภูมิตัวเอง หาสาเหตุไม่ได้ โรคร้ายที่คร่าชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้จักโรค SLE แพ้ภูมิตัวเอง หาสาเหตุไม่ได้ โรคร้ายที่คร่าชีวิตราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในวัยเพียง 30 ปี  

โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ถือเป็นโรคร้ายอีกโรคหนึ่งที่ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่มีข้อบ่งชี้แสดงอาการป่วยของร่างกายในหลายๆ อวัยวะร่วมกันโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน หรือต่างช่วงเวลาก็ได้ มีอาการเป็นๆ หายๆ ของแต่ละอาการเป็นระยะ และอาการรุนแรงของโรคที่แตกต่างกัน อาจมีข้อบ่งชี้โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE ได้

โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) คืออะไร?

โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือ โรคลูปัส เป็นโรคภูมิคุ้มกันทําลายตนเองหรือโรคแพ้ภูมิตนเอง ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยภูมิคุ้มกันของคนๆ นั้นทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกายของตัวเองจนเกิดการอักเสบ และสามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับอวัยวะได้ทั่วร่างกาย พบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยร่วมอื่นๆ เพิ่มเติมที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคได้ เช่น กรรมพันธุ์ (อาจจะมีสารพันธุกรรมบางชนิดที่สัมพันธ์กับการเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง)

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แสงแดด การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรีย การได้วัคซีน การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด ส่วนปัจจัยที่กระตุ้นให้โรคกำเริบมากขึ้น ได้แก่ การติดเชื้อภายในร่างกาย และ แสงแดด เป็นต้น ในโรคนี้ร่างกายของผู้ป่วยมีการสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Antinuclear antibody ที่ใช้ในการวินิจฉัยโรค

อาการของโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)

อาการของโรคจะแสดงความผิดปกติในร่างกายในหนึ่งอวัยวะหรือหลายอวัยวะ ที่พบได้บ่อยคือ

  • ปวดข้อ
  • เป็นไข้ตั้งแต่ไข้ต่ำๆ จนถึงไข้สูง
  • อ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร
  • เกิดผื่นผิวหนังตามใบหน้า แขน ขา ที่อยู่บริเวณนอกเสื้อผ้า
  • ผมร่วง
  • มีสภาวะเลือดจาง
  • เม็ดเลือดขาวต่ำ
  • มีเกล็ดเลือดต่ำ
  • ถ้าโรครุนแรง อาจมีเม็ดเลือดแดงแตก ปอดอักเสบ ไตอักเสบ

การรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)

การวินิจฉัยต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นสำคัญ ส่วนใหญ่แพทย์จะวินิจฉัยจากประวัติของผู้ป่วย การตรวจร่างกายพบรอยโรคร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด  ปัสสาวะ การตรวจเอกซเรย์หัวใจและปอด เป็นต้น

SLE เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องมีการติดตามการรักษาสม่ำเสมอ เพราะการรักษาอย่างสม่ำเสมอสามารถทำให้โรคสงบได้ โดยเริ่มจากประเมินความรุนแรงของอาการที่ผู้ป่วยเป็นว่ามากน้อยแค่ไหน เพราะอาการของแต่ละคนจะมีความรุนแรงของโรคไม่เท่ากัน หลังจากนั้นจึงจะวางแผนการรักษาและการให้ยา ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากและเกิดการอักเสบของร่างกายในหลายระบบ แพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิเพื่อคุมโรค ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละคนจึงได้ยาแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค

ข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)

  1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

  2. หลีกเลี่ยงการออกแดด

  3. ลดและหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโดยการทานอาหารที่สะอาด

  4. รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ

  5. ไม่ลดหรือเพิ่มยาเอง

  6. มาตรวจหรือพบแพทย์ตามนัดอย่าให้ขาด การพบแพทย์และได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ทำไมจึงเรียกว่าโรคพุ่มพวง

โรคแพ้ภูมิตัวเองเป็นชื่อในเชิงทางการ แต่โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเรียกว่า “โรคพุ่มพวง” ซึ่งเรียกตามกันมาจากชื่อของนักร้องไทยชื่อดังในอดีต “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่ป่วยเป็นโรคนี้ และเสียชีวิตลง 

พุ่มพวง ดวงจันทร์ ห่างหายจากวงการไปหลังปลายปี พ.ศ. 2534 เนื่องจากป่วยด้วยโรค SLE ในช่วงวาระสุดท้ายได้ตัดสินใจเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อไปเยี่ยมบุตรชาย รวมทั้งระหว่างทางเธอตัดสินใจอยากไปกราบพระพุทธชินราช ทั้งที่อาการของเธอทรุดลง และระหว่างทางก่อนถึงตัวเมืองพิษณุโลก ในช่วงเวลา 12.55 น. พุ่มพวงเกิดอาการกำเริบหมดสติ ญาติจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก และเสียชีวิตในคืนวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เวลา 20.55 น. สิริอายุเพียง 30 ปี 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook