8มี.ค.นำเสธ.แดงลูกน้องขอศาลฝากขัง
ตำรวจแยกสอบเสธ.แดงกับลูกน้องและเคทอง จนถึงเช้ายังไม่อนุญาตให้ประกันตัว พร้อมเตรียมกำลังรับมือเสื้อแดงเดินทางไปให้กังลังใจเสธ.แดง
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 7 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แยกสอบปากคำ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และลูกน้องทั้งหมดนานหลายชั่วโมง แต่ทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และปฏิเสธที่จะลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุม โดยอ้างว่า ไม่ได้ข่มขู่ตำรวจและไม่ได้มีพฤติกรรมซ่อนเร้นนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์หรือเคทอง เพราะเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.)ได้ตั้งใจเดินทางมาเพื่อมอบตัวเคทองอยู่แล้ว
ต่อมาทางทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นโฉนดที่ดิน จ.นครปฐมมูลค่า 900,000 บาท แต่ยังไม่สามารถประกันตัวได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ยกเว้นพล.ต.ขัตติยะซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ในห้องประชุมสุรสีหนาท ที่ชั้น 2 โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือเจ้าหน้าที่นำไปควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังระหว่างการรอประกันตัว โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ประกอบด้วย 1.นายสุวภัศ จันทิมา 2. นายมงคล สารพัน 3. นายจักรชลัส คงสุวรรณ 4. นายเริงฤทธิ์ ตุ้มทองคำ 5. นายจรัญ ลอยพูล 6.นายสุวิทย์ คีรีรักษ์และ7.นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์หรือเคทอง ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปขังรวมกันไว้ในห้องขังซึ่งอยู่ข้างห้องขังที่มีเหตุผู้ต้องหาผูกคอตาย ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับเสธ.แดง
ด้านพล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตนพยายามติดต่อไปหาพล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. ให้ประสานงานเรื่องการประกันตัวแต่ติดต่อไม่ได้ แต่ทราบข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาแจ้งว่า ในเวลา 06.00 น. พ..ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.บก.ป. จะเดินทางมาเพื่อประสานงานเรื่องการประกันตัว ซึ่งหลักทรัพย์โฉนดที่ดินที่นำมาไม่เพียงพอ เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งหลักทรัพย์ประกันตัว เป็นเงินสดคนละ 100,000 บาทหรือโฉนดที่ดินมูลค่าคนละ 200,000 บาท โดยโฉนดที่ดินที่ตนนำมามีใบเดียวสามารถประกันตัวผู้ต้องหาได้แค่คนเดียว แต่ทางทนายความได้ขอเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้ประกันตัวได้ 2 คน ดังนั้นทางทนายความจะประกันตัวตนและ.นายสุวภัศ จันทิมา หัวหน้าพรรคขัตติยะธรรมก่อน และจะนำเงินสดจำนวน 500,000 บาทเพื่อมาประกันตัวผู้ต้องหาที่เหลือ ยกเว้นนายพรวัฒน์ ที่ทนายความจะไปยื่นประกันตัวที่ศาลในวันที่ 9 มี.ค.
พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ให้ประกันตัว โดยจะต้องส่งโฉนดที่ทางทนายความของผู้ต้องหายื่นเป็นหลักทรัพย์ให้ทางศาลตีความก่อน ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางมาให้กำลังใจเสธ.แดงนั้น ทางกองปราบฯได้เตรียมกำลังไว้ทั้งหมด 3 กองร้อย และไม่อนุญาตให้คนเสื้อแดงเข้ามาในกองปราบฯ แต่ถ้าต้องการจะเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา ก็สามารถทำได้ โดยจะให้เข้ามาทีละ 10 คน โดยมีเวลาเยี่ยมตามระเบียบราชการคือ 9.00-12.00น. และ13.00-15.00 น.
กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมให้กำลังใจเสธ.แดงอีกครั้ง
ทั้งนี้เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 7 มีนาคม ก่อนหน้าที่จะมีการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และกลุ่มนักรบพระเจ้าตาก บริเวณหน้ากองปราบปราม ได้มีชายคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นลูกน้องของพล.ต.ขัตติยะได้โทรศัพท์เข้ามาหาเสธ.แดง ที่ห้องพนักงานสอบสวนได้มีการพูดคุยกัน โดยทางเสธ.แดงขอให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัว โดยเกรงว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ปลอดภัย และไม่อยากให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมมีปัญหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากว่า อาจจะกลายเป็นข้ออ้างให้กับทางตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุม อย่างไรก็ตามทางกลุ่มเสื้อแดงได้ระบุว่าจะเดินทางมารวมตัวอีกครั้งเพื่อให้กำลัง พล.ต.ขัตติยะ ในเวลา 07.00 น.
8มี.ค.ตร.นำตัวเสธ.แดงลูกน้องเคทองฝากขังต่อศาล
เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้มาเข้าเยี่ยม พล.ต.ขัตติยะ ที่กองปราบปราม โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่าตนมาเยี่ยมเสธ.แดงในฐานะคนรู้จักคุ้นเคยกัน ส่วนกรณีการประกันตัว พล.ต.ขัตติยะ กับลูกน้องทั้งหมดนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบพบว่าเอกสารหลักฐานต่างๆ ยังไม่พร้อม ส่วนหลักทรัพย์ที่เป็นโฉนดที่ดินก็มีการประเมินราคาไว้นานเกินกว่ากำหนดการประเมินราคา 3 เดือน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนให้ผู้ต้องหาไปขอประกันตัวในชั้นศาลแทน โดยจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังในเวลา 08.00 น.วันที่ 8 มีนาคมนี้
พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป. เปิดเผยว่า ทางกำลังตำรวจคอมมานโด บก.ป.จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลอาญา ในเวลา 08.00 น.วันที่ 8 มีนาคมนี้ ส่วนรถตู้ สีขาว ทะเบียนตรากงจักร 2481 ที่ยึดมานั้นจะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง คราบเลือด และวัตถุพยานอื่นๆ อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวพันกับการกระทำความผิดอื่นใด รวมทั้งมีความเกี่ยวพันกับคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่ นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถที่แน่ชัดเพื่อติดตามตัวมาสอบปากคำถึงที่มาของรถตู้คันนี้ต่อไป