เปิดใจตัวประกันวัย 85 ที่ฮามาสปล่อยตัวล่าสุด เผยเหตุผลหันไปจับมือร่ำลาผู้ก่อการร้าย

เปิดใจตัวประกันวัย 85 ที่ฮามาสปล่อยตัวล่าสุด เผยเหตุผลหันไปจับมือร่ำลาผู้ก่อการร้าย

เปิดใจตัวประกันวัย 85 ที่ฮามาสปล่อยตัวล่าสุด เผยเหตุผลหันไปจับมือร่ำลาผู้ก่อการร้าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดใจยายวัย 85 ตัวประกันที่ฮามาสปล่อยตัวล่าสุด เผยสาเหตุหันไปจับมือร่ำลาผู้ก่อการร้าย เพราะได้รับการดูแลดี อ่อนโยนกับคนแก่

(24 ต.ค.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวานนี้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันหญิงชราอิสราเอล 2 คนที่มีปัญหาสุขภาพ โดยระบุเหตุผลด้านมนุษยธรรม

ในแถลงการณ์ของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า ได้ปล่อยตัวประกันแล้วด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้ส่งตัว โยเชฟ ลิฟชิตซ์ วัย 85 ปี และนูริต คูเปอร์ วัย 79 ปี ออกจากฉนวนกาซาเมื่อเย็นวันจันทร์

รายงานข่าวระบุว่า สหรัฐฯ กำลังให้คำแนะนำแก่อิสราเอลในการระงับโจมตีภาคพื้นดินโดยหวังว่าจะเจรจากับกลุ่มฮามาสเพื่อปล่อยตัวประกันเพิ่มเติม แต่ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากกองทัพอิสราเอลยังโจมตีทางอากาศมากกว่า 300 ครั้งในฉนวนกาซาเมื่อวันจันทร์

นับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในวันที่ 7 ต.ค.66 จนถึงวันนี้ (24 ต.ค.66) ย่างเข้าวันที่ 18 มีรายงานกลุ่มฮามาสจับตัวประกันแล้วกว่า 200 คน ขณะที่กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันแล้ว 4 คน โดยตัวประกัน 2 คนแรกที่ปล่อยเป็นแม่ลูกชาวอเมริกัน ซึ่งปล่อยตัวเมื่องวันเสาร์ที่ 21 ต.ค.66

ในช่วงเวลาที่มีการปล่อยตัวประกัน พบว่า โยเชฟ ลิฟชิตซ์ วัย 85 ปี หนึ่งในตัวประกันสูงอายุ หยุดและหันไปจับมือของกลุ่มติดอาวุธฮามาสคนหนึ่งที่สวมหน้ากาก พร้อมกล่าวว่า “ชาลอม” การจับมือแสดงออกถึงสันติภาพ

ซึ่งต่อมา ยายลิฟชิตซ์ ได้เปิดใจถึงความโหดร้ายและความเมตตาในช่วง 16 วันของเธอในฐานะตัวประกันในฉนวนกาซา 

ยายลิฟชิตซ์ กล่าวว่า หลังจากความรุนแรงในช่วงแรก ผู้จับกุมกลุ่มฮามาสของเธอได้แสดงความเอาใจใส่ และความอ่อนโยน ซึ่งเป็นคำอธิบายที่หาได้ยากในความขัดแย้งอันโหดร้าย ที่อาจนำไปสู่การนองเลือด นักวิจารณ์ชาวอิสราเอลบางคนเรียกความคิดเห็นของเธอว่าเป็นการความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ของกลุ่มฮามาส 

ยายลิฟชิตซ์ เล่าว่า เหมือนเพิ่งกลับมาจากนรก ตอนที่เธอถูกจับกุมตัว เธอมัดไว้กับมอเตอร์ไซค์และขับไปที่ฉนวนกาซา อีกทั้งยังขโมยนาฬิกาและเครื่องประดับของเธอ เธอถูกควบคุมตัวในสถานที่ที่ไม่สามารถระบุได้ ผู้จับกุมพาลงไปใต้ดินและเดินเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรในอุโมงค์เปียกๆ เป็นเวลาสองหรือสามชั่วโมง เส้นทางซับซ้อนใยแมงมุม ก่อนจะพบห้องโถงใหญ่ แยกเป็นกลุ่มละ 25 คน 

ตัวประกันได้รับการดูแลดีกว่าที่คิด ผู้คุมพูดจาดี อ่อนโยนกับผู้สูงอายุ สังเกตได้ว่ามีการเตรียมการมาอย่างดี ทั้งสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นและอาหาร ผู้คุมยังเลี้ยงตัวประกันด้วยอาหารประเภทเดียวกับที่พวกเขากิน มีแพทย์มาตรวจทุกวันให้ยาและรักษาอาการเจ็บป่วย รวมถึงตัวประกันที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ เธอกล่าวว่าพวกเขากังวลเรื่องสุขอนามัยมาก และกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโรคบางอย่าง ห้องน้ำที่ตัวประกันใช้พวกเขาทำความสะอาดทุกวัน

ยายลิฟชิตซ์ ยังระบุถึงกองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลว่า เพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนที่แสดงว่ากลุ่มฮามาสกำลังเตรียมโจมตีเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ทำให้เรื่องบานปลายและรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ฝันร้ายทั้งหมดยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเธอ เพราะยังไม่ทราบชะตากรรมตัวประกันคนอื่นๆ รวมถึงสามีวัย 83 ปี ของเธอ จากการระบุของทางการปาเลสไตน์ ยายลิฟชิตซ์และสามีของเธอเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพและสิทธิมนุษยชน เคยมีประสบการณ์ขนส่งชาวปาเลสไตน์ที่ป่วยจากฉนวนกาซาไปรับการรักษาพยาบาลในอิสราเอลมาแล้ว

ยายลิฟชิตซ์ ตอบคำถามที่ว่า ทำไมต้องหันไปจับมือและพูดลากับกลุ่มฮามาส นั่นก็เพราะเธอได้รับการดูแลที่ดีมาตลอด จึงทำแบบนั้นเป็นการร่ำลา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook