ครูน้อย คลายทุกข์หลังปลดหนี้แต่ยังรู้สึกผิดกับสังคม

ครูน้อย เผยรู้สึกคลายทุกข์กังวลหลังจากปลดหนี้ได้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องปรับใจจากความรู้สึกผิดกับสังคม ยืนยันจะไม่เป็นหนี้อีกแล้ว ระบุครั้งนี้เป็นบทเรียนชีวิตครั้งใหญ่ที่สุด ถ้าเป็นอีกคงไม่มีหน้ายืนอยู่ในสังคมได้อีก

นางนวลน้อย ทิมกุล หรือ ครูน้อย ผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย เปิดเผยกับ "สำนักข่าวไทย" เช้าวันนี้ ( 9 มี.ค.) ภายหลังจากปลดหนี้จำนวน 3 ล้านบาทไป เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ว่า คลายความวิตกกังวลลงไปบ้างที่ไม่ต้องนำเงินที่มีผู้บริจาคไปจ่ายหนี้ และไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาข่มขู่หลังจากปลดหนี้หมดแล้ว และส่วนใหญ่เจ้าหนี้ก็รักใคร่กันดี แต่ด้านจิตใจยังไม่ค่อยดีไม่สงบ เพราะจะรู้สึกตำหนิตนเองว่าเรื่องราวของตนเองทำให้คนจำนวนมากต้องเดือดร้อน มารับภาระ และที่ยังต้องทำงานเพราะห่วงใยเด็กหลายคนที่ยังต้องเดือดร้อนอยู่ และวันนี้ครูน้อย กล่าวว่า มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างก็จริง แต่ยังเป็นยิ้มแห้ง ๆ จากใจที่ยังไม่เปิดกว้างพอจะปรับใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปได้ หากจะยิ้มได้เต็มที่ก็จากที่ได้ช่วยเหลือเด็กของครู ทั้งชีวิตอยู่กับสิ่งนี้มาตลอด ถ้าตัดออกไปชีวิตคงจะหงอยเหงามาก

"ที่ผ่านมารู้สึกทุกข์หนัก ชีวิตและครอบครัวต้องมามัวหมอง แม้ว่าลูกกับสามีอาจจะไม่ได้คิดแล้ว ยินดียกโทษให้แม่ว่าทำผิดไปเพราะช่วยเหลือคน หนี้สินครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่โตของชีวิตที่ได้รับบทเรียนหนัก ครูคงไม่ทำให้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าเกิดอีกคงไม่มีหน้าอยู่ดูสังคมได้ ก็ขอขอบคุณสังคมที่เอาเงินสังคมไปใช้หนี้ และขอโทษขอให้อภัยให้ด้วย ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตต้องทำแบบนี้ พลาดไปแล้วต้องทำเพราะความอยู่รอด" ครูน้อย กล่าว

ครูน้อย กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่จากเครือข่ายครอบครัวที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เข้าไปช่วยจัดระบบบัญชีรายรับรายจ่ายทางบ้านครูน้อย ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำทุกอย่าง แม้จะลำบากใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนยากจนนอกบัญชีได้ ซึ่งเรื่องนี้ครูน้อยยังตัดใจไม่ได้ จึงได้คิดจะนำคบเพลิงที่ระลึกจากการวิ่งโอลิมปิกปี 2008 ไปขายให้ร้านค้าของเก่า ติดต่อกันแล้วว่าอยากได้เงินเกิน 100,000 บาทขึ้นไป เพื่อนำไว้ใช้ช่วยเหลือคนทุกข์ยากตามที่ใจต้องการ