ย้อนดู "กฎหมายยาเสพติดไทย" เมื่อตัวบทกำหนดให้จับทุกคน จนนักโทษล้นเรือนจำ

ย้อนดู "กฎหมายยาเสพติดไทย" เมื่อตัวบทกำหนดให้จับทุกคน จนนักโทษล้นเรือนจำ

ย้อนดู "กฎหมายยาเสพติดไทย" เมื่อตัวบทกำหนดให้จับทุกคน จนนักโทษล้นเรือนจำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัญหายาเสพติด” ถือเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ที่ทุกรัฐบาลต้องการแก้ไขและปราบปราม ซึ่งประเทศไทยมี "กฎหมายยาเสพติด" ลงโทษผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติดที่รุนแรง แต่ก็ดูเหมือนปัญหายาเสพติดจะไม่ได้ลดน้อยลงไป ทั้งยังสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกด้วย และหนึ่งในนั้นคือ “นักโทษยาเสพติดล้นคุก

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 2566) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ระบุว่า มีการมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขออกกฎกระทรวงในการกำหนดจำนวนการครอบครองยาเสพติด ซึ่งคาดว่าจะกำหนดให้กรณี 10 เม็ดขึ้นไปถืิอเป็นผู้ค้า แต่หากน้อยกว่า 10 เป็นถือเป็นผู้เสพ ซึ่งนำไปสู่การพูดคุยถกเถียงของชาวเน็ตในโลกโซเชียลถึงทิศทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังมุ่งหน้าไป และอาจเป็นช่องทางแก้ไขปัญหานักโทษยาเสพติดล้นคุก ที่ประเทศไทยเผชิญมาหลายสิบปี

Sanook พาไปดูกฎหมายไทยที่ว่าด้วยเรื่อง “ยาเสพติด” ฉบับปัจจุบัน และสถิติผู้ต้องขังคดียาเสพติด ที่อาจจะมีมิติอื่นๆ ที่มากกว่าการเป็นผู้เสพหรือผู้ค้า

สถิตินักโทษคดียาเสพติด (ล้นคุกไทย)

สถิติของกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2565 ระบุว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ต้องขังคดียาเสพติดมากถึง 217,966 คน ซึ่งถ้าเปรียบทียบกับจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 266,589 คนทั่วประเทศ เรือนจำในประเทศไทยมีผู้ต้องขังคดียาเสพติดมากถึง ร้อยละ 81.66 ซึ่งมีทั้งชาย หญิง วัยรุ่น และคนชรา แต่ข้อมูลของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) หรือ TIJ รายงานว่า ประเทศไทยมีผู้ต้องขังหญิงมากที่สุดในอาเซียน และกว่า 85 เปอร์เซ็นต์เข้าเรือนจำด้วยความผิดคดียาเสพติด

iStock

ปัญหาผู้ต้องหายาเสพติดล้นคุกก็ทำให้หลายภาคส่วนเริ่มเข้ามาแก้ไขและดูแลเรื่องกฎหมายยาเสพติด เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำ พร้อมกับการเดินหน้าแก้ไขและปราบปรามปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่ในสังคมมาอย่างยาวนาน

พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564

พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 นับเป็นประมวลกฎหมายลำดับที่ 8 ของประเทศไทย ที่ได้รวบรวมเอากฎหมายยาเสพติด ที่เดิมกระจายอยู่ในหลายฉบับ ให้มาอยู่รวมกันเป็นกฎหมายฉบับเดียว ประกอบด้วย 186 มาตรา แบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ภาค ได้แก่ 

  • ภาค 1: การป้องกัน ปราบปราม และควบคุมยาเสพติด
  • ภาค 2: การบำบัดรักษาและการฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติด
  • ภาค 3: บทกำหนดโทษ

iStock

ซึ่งบทลงโทษผู้เสพยาเสพติดที่ปรากฏในกฎหมายฉบับนี้ ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการลงโทษผู้ทำผิดให้สมเหตุสมผลมากขึ้น โดยเน้นปราบปรามผู้ค้าและขบวนการค้ายาเสพติด จากที่แต่เดิมกำหนดโทษที่รุนแรง ก็มีการปรับใหม่ให้โทษมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

  • ความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ก็ปรับจากจำคุก 6 เดือน - 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 - 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ครอบครองยาเสพติดเกิน 15 เม็ด หรือ 375 มิลลิกรัม จากสันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็แก้ไขใหม่ให้เป็นครอบครองไม่เกินจำนวนปริมาณที่กำหนด สันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อเสพ
  • ระบบพนักงานสอบสวนนำผู้เสพมาให้ศาลส่งตรวจ ก็เปลี่ยนเป็นผู้จับนำตัวผู้เสพที่สมัครใจส่งสถานบำบัดได้โดยตรง และให้ศาลส่งสถานบำบัดได้ เมื่อจำเลยสมัครใจ

กล่าวคือกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่นี้ เป็นการรวบรวมกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้เป็นระบบ อยู่ภายใต้กฎหมายเพียง 2 ฉบับ พร้อมกับประกาศยกเลิกกฎหมายยาเสพติดเดิมทั้งหมด 24 ฉบับ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและการนำไปปฏิบัติจริง หรือเรียกได้ว่า กฎหมายใหม่นี้จะลดความเป็นอาชญากรรมลง และกำหนดโทษให้ได้สัดส่วนกับความผิดมากกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้จำเลยได้รับความเป็นมากขึ้น ขณะที่ส่วนของการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ ก็ให้กระทรวงสาธารณสุขเข้ามารับผิดชอบแทน

ร่างกฎกระทรวง

ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. … ซึ่งเป็นร่างกฎหมายล่าสุดที่ ครม. อนุมัติหลักการ ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2565 เพื่อกำหนดปริมาณยาเสพติดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้โอกาสแก่ผู้เสพยาเสพติดที่ครอบครองยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ไว้เพื่อการเสพ โดยไม่ถือเป็นโทษความผิดร้านแรง และพิจารณาให้รับการบำบัดรักษาแทนการรับโทษจำคุก

มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook