วุฒิพงศ์ สส. ปราจีนบุรี เปิดใจหลังถูกก้าวไกลขับ ลั่นอึดอัด คาใจกระบวนการ
นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล เปิดใจต่อสื่อมวลชนครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) หลังเกิดกรณีร้องเรียนคุกคามทางเพศ ผ่านไปแล้ว 20 วัน และมีมติพรรคให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
สส. รายนี้ให้ความเห็นว่า ตอนนี้กระบวนการของพรรคสิ้นสุดลง และเห็นปฏิกิริยาของคนภายในพรรค โดยกระบวนการหลังจากนี้จะเข้าสู่การพิสูจน์ความจริง เพราะที่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งโดยส่วนตัวและครอบครัว พร้อมออกตัวว่า ไม่ใช่นักการเมืองที่จะแถลงเก่ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่เคยได้ชี้แจงต่อสังคม รู้สึกอึดอัดมาโดยตลอด เพราะกระบวนการของพรรคยังไม่สิ้นสุด
นายวุฒิพงศ์ เล่าไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อน โดยเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศในภาพรวมมีหลายระดับการแสดงออก
สส. รายนี้ ยังกล่าวถึงอีกกรณีที่เกิดขึ้นภายในพรรคว่าได้รับบทลงโทษความรุนแรงระดับปานกลาง แต่เคสของตนเองนั้นรู้สึกผิดหวัง เพราะมีมติรุนแรงที่สุด และยังมีกระบวนการทางคดีความภายนอกหรือกระบวนการยุติธรรมและตำรวจอยู่ด้วย
นายวุฒิพงศ์มองว่า ความผิดของ สส. แปลว่าจะต้องเข้ามาเป็น สส. ก่อน แล้วกระทำความผิด แต่กรณีที่เกิดขึ้นกับตนนั้น ผู้ร้องเรียนเป็นเอกสารกระดาษ 200 หน้าที่อ้างถึงเหตุการณ์กระทำผิดตั้งแต่ช่วงปี 2565 ก่อนที่จะเข้ามาเป็น สส.
อึดอัดกระบวนการของพรรค
นายวุฒิพงศ์ ยอมรับ ตอบยากเมื่อถามถึงกระบวนการสอบสวนของพรรคที่รู้สึกอึดอัด เพราะยังมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในจังหวัดแต่ถูกเพิกเฉย โดยเรื่องการคุกคามทางเพศถูกแทรกขึ้นมา พร้อมชี้แจงว่า นับแต่มีการปรากฏข้อมูลในโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการวินัยของพรรคในวันที่ 10 ต.ค.
แต่ผู้เสียหายได้เข้าให้การต่อพรรคก้าวไกลก่อนวันที่ 9 พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ผู้เสียหายมีเจตนาที่จะปล่อยข้อมูลก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของพรรค และการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้าเข้าข่ายเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ ทั้งยังแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ
ต่อมานายวุฒิพงศ์เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเรื่องกระบวนการสอบของคณะกรรมการของพรรคว่า เคารพการตัดสินใจ แต่ไม่ขอวิพากษ์ว่ากระบวนการเป็นธรรมหรือไม่ โดยกระบวนการสอบครั้งแรกวันที่ 10 ต.ค. กรรมการสอบวินัยมี 7 คนแต่มา 6 คน ได้พูดคุยอยู่กว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้น อีกครั้งหนึ่งวันที่ 30 ต.ค. เข้าสู่กระบวนการของกรรมการวินัยครั้งที่ 2 เข้าห้องประชุมของกรรมการล่าช้า 1 ชั่วโมง จากนัด 10.00 น. ได้เข้า 11.00 น. ซึ่งสุดท้าย จาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนเพิ่งมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา ซึ่งความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรี ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในกระบวนการ
สส. ปราจีนบุรี พูดอีกว่า การตั้งคณะกรรมการวินัยสอบ ควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงว่า ผู้ที่ถูกคุกคาม มีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส. ทั้งหมด
พ้อไม่มีคอนเนกชันจึงโทษแรงกว่าอีกกรณี
ขณะเดียวกัน มองว่า กรณีที่เสียงโหวต สส. ในพรรคก้าวไกลที่ต่างอีกกรณี 10 เสียง ด้วย เพราะตนเองไม่มีคอนเน็คชั่นหรือความสัมพันธ์กับ สส.ในพรรค เพราะส่วนใหญ่ทำงานในพื้นที่ โดยมองว่า เป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค
นายวุฒิพงศ์ เผยอีกว่าตนกังวลต่อการใช้กระบวนการภายในของพรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะหากผู้ถูกร้องเรียนหรือ สส. บางคนไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ และรู้สึกเสียใจที่พรรคไม่ได้เปิดให้ตนเองได้พูดหรือชี้แจงต่อสังคม และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาชี้แจงต่อสังคม
สส. จ.ปราจีนบุรี รายนี้พูดต่อไปว่า รู้สึกเสียใจที่กรณีคุกคามทางเพศ 2 กรณีที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน แต่มติออกมาแตกต่างกัน พร้อมกันนี้ ได้กล่าวขอโทษโหวตเตอร์และประชาชนชาวปราจีนบุรีที่ทำให้ผิดหวัง โดยหลังจากนี้จะพิสูจน์ตนเอง และเปิดเผยว่าชาวบ้านยังให้กำลังใจและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่บางมีกลุ่มที่สร้างเพจมาโจมตี
เตรียมหาพรรคอื่นสังกัด-คนในพรรคทำตัวเป็นศาล
อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่อุทธรณ์โทษในพรรค ขณะนี้ยังไม่ได้มองในการไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่หลังถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เพราะเมื่อพ้นสภาพจากพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองอื่นย่อมต้องมองอยู่แล้วแต่ตนเองก็ต้องแสดงจุดยืนต่อพรรคการเมืองที่จะเข้าไปสังกัดใหม่
พร้อมกันนี้ ได้กล่าวถึงปฏิกิริยาของคนในพรรคที่แสดงออก ต่อกรณีการคุกคามทางเพศ ที่กดดันทั้งที่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่มีการตั้งตัวเป็นศาล ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับตั้งตัวเป็นศาล เพื่อตัดสิน
ช่วงหนึ่งนายวุฒิพงศ์ โชว์หลักฐานภาพ ที่ถูกแชร์ใน X (เอกซ์) ว่ามีบางภาพที่เป็นการจงใจทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ พร้อมนำโน้ตข้อความของผู้เสียหายที่ได้เขียนถึงตนเองที่ระบุว่าผู้เสียหายยังคงต้องการจะลงพื้นที่ทำงานกับตนเองในทุกที่ ทุกวัน และตลอดเวลาที่ออกไปทำงานมีความสุขไม่มีครั้งไหนที่ไม่อยากออกไปทำงาน โดยได้นำโน้ตข้อความดังกล่าวไปปรึกษาจิตแพทย์ว่า ผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งมีบางข้อความแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ก็ได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป จึงตัดสินใจให้ผู้เสียหายยุติการทำงานกับตนเองตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565
นายวุฒิพงศ์ยืนยันว่า ตนเองให้ความสำคัญกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องหลักฐานที่คณะกรรมการได้พิจารณาว่า เป็นเฉพาะการแคปข้อความบางส่วนเท่านั้น เพราะมีบางส่วนที่หายไป ต่างกันกับกระบวนการสอบสวนยุติธรรมภายนอกที่จะต้องดูในมิติความเชื่อมโยงต่อเนื่อง แต่พยายามจะนำหลักฐานให้กรรมการได้รับทราบในการสอบครั้งที่ 2 แต่ กรรมการเข้าไม่ครบ และยืนยันด้วยว่า ไม่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งหรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายเลย และไม่เคยให้ความหวังผู้ร้อง โดยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ตนเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่เคยคิดเรื่องใช้กำลัง ใช้อำนาจเป็นใหญ่ อย่างที่ได้ยินในสังคม
ยืนยันไม่ลาออก สส.
หลังจากนี้ จะพิจารณาเรื่องกระบวนการนอกพรรค เนื่องจากมีผลกระทบมากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องการถูกขับออกจากพรรค การทำลายชื่อเสียงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว มีการบิดเบือนข้อมูลส่วนตัว ผิด พ.ร.บ.คอม จึงขอยืนยันว่า จะไม่ลาออก จากตำแหน่ง สส. และขอโอกาสในการทำงานต่อ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการออกมาตอบคำถามอธิบายในครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ที่แม้แต่ สส. ก็ไม่เคยได้ยิน และตนก็พร้อมที่จะ พิสูจน์ตนเองทุกขั้นตอนเนื่องจากผู้ร้องได้เดินทางไปยื่นร้องในทุกช่องทาง
ส่วนตอนนี้สังคมกดดันอยากให้ ทั้ง 2 สส. ลาออก เช่นเดียวกับกรณีกับ สส. ที่เมาแล้วขับ ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า การที่ตนเข้ามาทำงานตรงนี้ คือ การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จึงมีหลายประเด็นที่หากเราก้าวถอยก็มีหลายคนยิ้มรอ เพราะในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดโดยรอบมีตนเพียงคนเดียวที่เป็น สส. พรรคก้าวไกล
เตรียมฟ้องผู้ร้อง
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2565 แต่พึ่งมาร้องเรียนในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งแล้ว และผู้ที่พามาร้องก็เป็นคนในพรรค จึงอยากให้ไปย้อนดูเพจก้าวไกลปราจีนบุรี ช่วงเลือกตั้งไม่มีรูปตนในเพจเลย และไม่มีแม้แต่การแสดงความยินดีในวันที่ชนะเลือกตั้ง และคนทำงานในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2 ปีก็หายไป
ตนเข้ามาด้วยความยากลำบาก และตนคิดว่าจะดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องด้วย เพราะตนรู้จักเขารู้จักครอบครัวเขา ในช่วงแรกจึงลำบากใจที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ แต่คนอยู่เบื้องหลังกลับดันเขามาอยู่เบื้องหน้า ตนจึงอยากทำให้ตนเองหลุดออกจากข้อครหาในเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เพียงแค่ต้องการที่ยืนในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างสง่างาม
ติงก้าวไกลควรปกป้อง สส. มากกว่านี้
ภายหลังการแถลงข่าว นายวุฒิพงษ์ได้ฝากถึงพรรคก้าวไกลว่า หลังจากนี้ขอให้พรรคก้าวไกลปกป้อง สส. และสมาชิกพรรค อย่าให้อะไรก็ตามที่ยิงมาโดนพวกเขาง่ายๆ เพราะทุกคนลำบากกว่าจะเข้ามา ต้องแบกรับความกดดันสูง ส่วนเรื่องคณะกรรมการวินัย อยากให้มี สัดส่วนภายนอกจริงๆ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆจริงๆ เช่นตำรวจ จิตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีสัดส่วน สส. น้อยที่สุดป้องกันการเมืองภายใน