ประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็นถูกห้ามเดินทางเข้ายุโรป

เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ของลิเบีย เผยว่า นายอาลี อับดุสซาลาม เตรกี ประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น เป็น 1 ในกว่า 180 คนที่ถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป อันเป็นผลมาจากข้อพิพาทระหว่างลิเบียกับสวิตเซอร์แลนด์

นายเตรกี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศลิเบีย เข้าดำรงตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น มาตั้งแต่เดือนกันยายนปีก่อน มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อชาวลิเบียที่รัฐบาลลิเบียระบุว่า ถูกห้ามไม่ให้ออกวีซ่าเดินทางเข้าเขตเชงเกนที่ประกอบไปด้วย 25 ประเทศในยุโรป คือ 22 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) บวกกับสวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์

นายอับดูร์ราห์มาน โมฮัมเหม็ด ชัลกัม เอกอัครราชทูตลิเบียประจำยูเอ็น ระบุว่า ลิเบียต้องการแก้ปัญหานี้ ไม่ใช่ทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น ซึ่งตัวเขาเอง รวมทั้งนายอับดุลเลาะห์ เอลบาดรี เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ต่างก็มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ห้ามเดินทางเข้ายุโรป ด้านโฆษกคณะทูตสวิตเซอร์แลนด์ปฏิเสธแสดงความเห็นเรื่องนี้ ส่วนโฆษกของนายเตรกี กล่าวว่า นายเตรกีย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยการใช้หลักของกฎหมายระหว่าง ประเทศ

ลิเบียระบุว่า สวิตเซอร์แลนด์เริ่มจำกัดการออกวีซ่าเชงเกนให้พลเมืองลิเบียเมื่อเดือน สิงหาคม 2552 จากนั้นจึงออกบัญชีรายชื่อผู้ห้ามออกวีซ่าเชงเกนให้ หนังสือพิมพ์ลิเบียรายงานเรื่องรายชื่อนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่รายชื่อเต็มเพิ่งจะเปิดเผยออกมา

ความสัมพันธ์ระหว่างลิเบียและสวิตเซอร์แลนด์ตกต่ำลงเมื่อกลางปี 2551 หลังบุตรชายของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ถูกจับกุมที่โรงแรมหรูในนครเจนีวาด้วยข้อหาทารุณคนรับใช้ 2 คน แต่ภายหลังมีการยกข้อหาดังกล่าว ทว่ารัฐบาลลิเบียตัดการส่งน้ำมันไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และถอนเงินกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 165,000 ล้านบาท) ออกจากบัญชีธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมสั่งห้ามค้าขายกับสวิตเซอร์แลนด์