ปล่อยตัว เทพไท-มาโนช เสนพงศ์ วิ่งแก้บนจากเรือนจำกลับบ้าน ระยะทางกว่า 10 กม.
ปล่อยตัว เทพไท-มาโนช เสนพงศ์ พ้นเรือนจำ วิ่งแก้บนกลับบ้านไกลกว่า 10 กม. กำลังใจเพียบ
จากกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ นายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นักโทษเด็ดขาดตามคำพากษาศาลฏีกา ในคดีทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 และต้องโทษจำคุกเมื่อ 6 กรกฎาคม 2565 ทั้งคู่ถูกจำคุก 2 ปี ตามคำพิพากษาที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยจำคุกมาแล้วเป็นเวลา 16 เดือน และได้รับการพิจารณาพักโทษ และต้องสวมกำไลอีเอ็มต่อไปอีกจนกว่าจะครบโทษตามคำพิพากษา มีกำหนดการปล่อยตัวเดิม นับแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 แต่ยังติดขัดเล็กน้อยในวันหยุดไม่สามารถติดตั้งกำไลอีเอ็มได้เนื่องจากวันหยุดราชการ และไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบล่วงหน้า จึงต้องเลื่อนการปล่อยตัวมาในวันนี้
ช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวทั้งคู่มาเตรียมความพร้อม ในบริเวณแดนควบคุมสำหรับส่งตัวนักโทษออกงานภายนอกเช่นการเดินทางไปศาล การเดินทางไปสำนักงานคุมประพฤติตามคำสั่งการได้รับการพักโทษ หรือการทำงานภายนอกเรือนจำ หลังจากนั้นเวลาราว 10.45 นาที เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวทั้งคู่ขึ้นรถควบคุมตัวนักโทษ ออกจากเรือนจำไปยังสำนักงานคุมประพฤตินครศรีธรรมราช เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ติดตั้งกำไลอีเอ็มและทำความเข้าใจเรื่องการพักโทษรวมทั้งระเบียบปฏิบัติต่างๆ ของผู้ได้รับการพักโทษ สำหรับนายเทพไท ถูกนำตัวมาจากเรือนจำเกษตรห้วยพระ นายมาโนชถูกนำมาจากเรือนจำเปิดเขาหมาก อ.ร่อนพิบูลย์ ส่วนแยกเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวานนี้
เมื่อเดินทางมาถึงสำนักงานคุมประพฤติปรากฏว่าคนแรกที่ลงมาจากรถคือนายมาโนช เสนพงศ์ และมีเพื่อนนักโทษอีกจำนวนหนึ่ง และมีนายเทพไท เสนพงศ์ เดินตามลงมาโดยมีครอบครัวของนายเทพไท มารอรับทั้งคู่ มีการตัดผมเกรียนตามแบบนักโทษ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าไปภายในสำนักงานคุมประพฤติเพื่อติดตามกำไลอีเอ็มและรายงานการคุมประพฤติ จะต้องมีเงื่อนไขข้อบังคับรวม 15 ข้อ และจะต้องมารายงานตัวนัดแรกในอีก 3 วันข้างหน้า หลังจากที่เข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนกว่า 1 ชม. เมื่อเสร็จสิ้นผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษจะได้รับการปล่อยตัวที่สำนักงานคุมประพฤติทันที โดยครอบครัวนายเทพไท และนายมาโนชได้มารอรับขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกไปจากสำนักงานคุมประพฤติเพื่อกลับไปเรือนจำและตั้งใจจะเดินเท้าออกจากเรือนจำกลับบ้านที่บริเวณแยกหัวถนนห่างไปราว 10 กิโลเมตร
หลังจากเสร็จสิ้นการเข้ารายงานตัวกับเจ้าพนักงานคุมประพฤติติดตั้งกำไลอีเอ็ม และรับฟังขั้นตอนการายงานตัวต่างๆ ตามหลักเกณฑ์การพักโทษ ได้ขึ้นรถของครอบครัวที่มารอรับ
จากนั้นเดินทางกลับไปยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช อีกครั้ง และได้เริ่มเดินวิ่งออกจากเรือนจำเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่บริเวณใกล้แยกหัวถนน ตำบลช้างซ้าย อำเภอพระพรหม นครศรีธรรมราช ห่างไปราว 10 กิโลเมตร โดยมีนายวัชระ เพชรทอง และบรรดาแม่ยกคนใกล้ชิดมารับ หน้าที่ทำการเรือนจำ ก่อนที่จะเริ่มวิ่งโดยมีคนสนิทใกล้ชิดร่วมวิ่งไปด้วยท่ามกลางแดดร้อนจัด