รถฉุกเฉินเกิดอุบัติเหตุ กู้ภัยโผกอดผู้ป่วยแน่น จนตัวเองเจ็บสาหัส ยกย่องเป็นฮีโร่ในชีวิตจริง
รถฉุกเฉินเกิดอุบัติเหตุ กู้ภัยโผกอดผู้ป่วยแน่น ผู้ป่วยปลอดภัยแต่ตัวเองเจ็บสาหัส ยกย่องเป็นฮีโร่ในชีวิตจริง
จากเหตุการณ์นาทีชีวิตหลังรถฉุกเฉินเกิดอุบัติเหตุ ขณะเร่งนำตัวผู้ป่วยโรคลมชัก วันนี้ (8พ.ย.66) ตำรวจจิตอาสาแห่บริจาคเลือดช่วยกู้ภัยฮีโร่กอดปกป้องผู้ป่วยขณะรถพยาบาลประสบอุบัติเหตุทำเอาเจ้าตัวบาดเจ็บสาหัสหวิดเสียชีวิต
ภาพจากกล้องหน้ารถพยาบาลหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม บันทึกภาพขณะขับฝ่าสายฝนนำผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นโรคลมชักอายุ 16 ปี มีอาการชักเกร็ง มีอาการสับสบ มุ่งหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าอย่างเร่งด่วน แต่รถพยาบาลเกิดลื่นไถลชนกระแทกขอบทางจนทำให้ นายเกษม ศิริธรรม อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติ และยังมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 รายคือ น.ส.ปัญจนิตย์ สามศรี อายุ 21 ปี ส่วนผู้ป่วยโรคลมชักวัย 16 ปี และ คุณยายเนียม อายุ 55 ปี ยายผู้ป่วย ไม่ได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรักษาอาการลมชักปลอดภัยแล้ว
ต่อมาเพจหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม ได้ประกาศขอรับขอรับบริจาคเลือด เพื่อช่วยเหลือนายเกษมที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการผ่าตัด มีประชาชนร่วมบริจาคโลหิตช่วยนายเกษมจำนวนมาก
และมีทางด้านพ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม นำข้าราชการตำรวจกว่า 10 นาย มาบริจาคโลหิตในครั้งนี้ พ.ต.อ.ศยาม กล่าวว่า หลังจากทราบขอรับบริจาคโลหิต ตนจึงได้ประชาสัมพันธ์ข้าราชการตำรวจมาช่วยเหลือมีจิตอาสาเข้าร่วมบริจาจโลหิต 10 นาย ทั้งนี้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ตำรวจจะช่วยเหลือได้ อีกทั้งนายเกษมเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ช่วยเหลืองานสังคมมาโดยตลอด ดังนั้นอะไรที่ช่วยได้ก็ยินดีสนับสนุนเต็มที่ และได้เดินทางไปเยี่ยมนายเกษม ที่พักรักษาตัวใน รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ซึ่งรอเข้ารับการผ่าตัดต่อกระดูกขาขวาที่หัก ในวันที่ 8 พ.ย.66
นายเกษม ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยอายุ 16 ปี ชักเกร็ง เมื่อไปถึงผู้ป่วยหยุดชักแต่สับสนไม่รู้ตัว จึงรีบพาตัวขึ้นรถนำส่ง รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ช่วงนั้นฝนตกมาถึงทางโค้งจู่ๆรถก็ลื่นไถลเสียหลักฟาดเข้ากับข้างทาง ช่วงนั้นยังมีสติแต่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง จึงแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์กู้ภัย และบอกแม่ ก่อนจะหมดสติ รู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว และทราบว่าผู้ป่วยปลอดภัย และมีญาติผู้ป่วยมาขอบคุณและบอกว่าขณะเกิดอุบัติเหตุตนกระโดดเข้าไปกอดผู้ป่วยจนแน่นเพื่อไม่ให้ได้รับอันตราย ซึ่งตนจำไม่ได้ แต่ก็คงเป็นเพราะหน้าที่และสัญชาตญานในการช่วยเหลือ
และทางด้านคุณยายของผู้ป่วยได้เล่านาทีเกิดเหตุว่า วันนั้นตนนั่งมาข้างๆหลานชาย มาถึงที่เกิดเหตุรถส่ายไปมา และเหวี่ยงกระแทกแรงมาก จังหวะนั้นตนนึกถึงหลวงพ่อบ้านแหลมช่วยด้วย ขณะที่นายเกษมกระโดดเข้ากอดหลานของตนแน่น เพื่อป้องกันไม่ให้หลานของตนได้รับบาดเจ็บ แต่ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียเอง ต้องขอขอบคุณนายเกษมที่ปกป้องหลานของตน ถ้าหากนายเกษมไม่กระโดดเข้ากอด หลานของตนก็คงโดนเหวี่ยงไปกระแทกตัวรถจนเสียชีวิตแน่นอน