"พระจันทร์มณี" ข้ามแดนมาไทย อึ้งพลังศรัทธาคนกัมพูชา เฉลยทำไมต้องเอาขวดน้ำมาทุกคน

พระชื่อดังกัมพูชา ข้ามแดนมากิจนิมนต์ที่บุรีรัมย์ ชาวกัมพูชาแห่มารอกราบ ให้ท่านใช้พัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี

(10 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าว พบชาวกัมพูชาที่มารับจ้างและทำมาค้าขายภายในตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่างพาครอบครัว ลูกหลาน พร้อมน้ำบรรจุขวด มารอกราบพระสงฆ์ ทราบฉายาภายหลังว่าท่านชื่อ พระจันทร์มณี ซึ่งเป็นพระสงฆ์หนุ่มชื่อดังของประเทศกัมพูชา ที่ชาวกัมพูชาเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ที่บริเวณข้างทาง ตรงข้ามตลาดการค้าชายแดนช่องจอม

หลังจากทราบว่า พระจันทร์มณี ได้ข้ามแดนเข้ามาฝั่งประเทศไทย ก่อนเวลา 22.00 น.ที่ประตูด่านจะปิด เพื่อรอเดินทางไปยังวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

โดยพระจันทร์มณี หรือที่ชาวกัมพูชาเรียกว่า พระองค์จันทร์มณี ท่านมาจากวัดในพื้นที่ อ.โรเลียปะเอีย จ.กัมปงชะนัง ประเทศกัมพูชา ก่อนจะข้ามแดนที่ประตูด่านชายแดน จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม โดยมีนายสุทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นาย อ.กาบเชิง ที่เข้าไปนิมนต์ต้อนรับพร้อมกับชาวกัมพูชาจำนวนมาก ก่อนที่จะนิมนต์พระจันทร์มณี ขึ้นรถตู้หมายเลขทะเบียน ฮม 8649 กรุงเทพมหานคร เดินทางผ่านไปยังบริเวณหน้าตลาดการค้าชายแดนช่องจอม และยังพบว่ามีชาวกัมพูชามานั่งรอกราบอยู่ข้างทาง พร้อมน้ำบรรจุขวด จำนวนหลายร้อยคน

ก่อนที่พระจันทร์มณี จะลงจากรถตู้เพื่อเดินลงมาพร้อมกับใช้พัด พัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีและเป็นอุปสรรคให้กับชาวกัมพูชา ที่รอกราบอยู่ข้างถนนยาวเหยียดกว่า 200 เมตร โดยเฉพาะเพื่อเป็นการให้กำลังใจกับชาวกัมพูชา ที่ร้านค้าถูกเพลิงไหม้ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม เมื่อคืนวันที่ 27 ต.ค.66 ที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งชาวกัมพูชาได้พากันนั่งก้มกราบกับพื้นตามรายทาง ด้วยความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนน้ำขวดที่บรรจุมา ชาวกัมพูชาบอกว่า นำมาเพื่อให้ท่านใช้พัด พัดลมใส่ขวด และเชื่อกันว่า น้ำขวดดังกล่าวที่นำมา ก็จะกลายเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เก็บไว้เป็นสิริมงคลกับครอบครัวอีกด้วย

สำหรับประวัติเบื้องต้น ของพระจันทร์มณี ท่านเป็นชาวกัมพูชา ชาวกัมพูชาหลายคนบอกว่าท่านเป็นพระธุดงส์ สายกรรมฐาน พึ่งเป็นที่รู้จักของชาวกัมพูชาทั้งประเทศมาได้จริงๆประมาณ 1 ปี และไม่ค่อยได้ออกสื่อ แต่ด้วยชาวกัมพูชาเล่าปากต่อปากและนำเสนอผ่านโลกโซเชี่ยล ถึงความเป็นพระนักปฏิบัติ ปลีกวิเวก ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง ไม่ใช้โทรศัพท์ ที่สำคัญไม่รับเงินจตุปัจจัยจากพุทธศาสนิกชน จึงทำให้เกิดความศรัทธาจากประชาชนชาวกัมพูชามากยิ่งขึ้นดังกล่าว

นายสุเพี๊ยะ ชาวกัมพูชา บอกว่า ท่านจะมีพัดติดตัวอยู่ตลอดเวลา เวลาชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็จะให้ธรรมะและใช้พัด พัดใส่ ทำให้คนที่กำลังป่วย หายจากอาการป่วยไปแล้วหลายราย ชาวกัมพูชาจึงเปรียบเทียบพระจันทร์มณี ว่ามีวิชาและความศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ซึ่งหลวงปู่สรวงใช้กสิณไฟรักษาคนป่วย แต่พระจันทร์มณีใช้ลมรักษาคนป่วย

ไม่พอยังมีวัตรปฏิบัติ เดินตามรอยพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ไม่สนใจในปัจจัยเงินทอง คล้ายกับหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ที่เคยเอาเงินเผาไฟ เพื่อให้ธรรมมะกับชาวบ้านมาแล้วอีกด้วย นายสุเวน ชาวกัมพูชา บอกว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะได้มากราบท่านได้ใกล้ชิดถึงขนาดนี้ เนื่องจากที่กัมพูชา เวลาจะเข้าไปใกล้ชิดท่านนั้นยากมาก เพราะเวลาท่านออกมาเทศน์หรือให้ธรรมะแก่ชาวบ้านนานๆครั้ง ทำให้การจะเข้าไปถึงตัวท่านได้ ยิ่งยากมากขึ้นไปด้วย เพราะจำนวนของประชาชนชาวกัมพูชา ที่เลื่อมใส่ศรัทธาท่านมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากต่อการเข้าไปกราบใกล้ๆท่านมากยิ่งๆขึ้นไปเท่านั้น และครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีและเป็นบุญ ที่ชาวกัมพูชาได้มีโอกาสกราบอย่างใกล้ชิดขนาดนี้

นายสมบัติ  ชาว ต.โคกสะอาด อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ บอกว่า ตนมาหาญาติในพื้นที่ ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักชื่อเสียงของพระรูปนี้ เห็นชาวบ้านบอกมีชาวกัมพูชามารอรับจำนวนมาก เลยมารอกราบไหว้ต้อนรับท่าน รู้สึกศรัทธากับภาพที่เห็น มีชาวกัมพูชามารอเยอะมาก ถือว่าตนมีบุญมากที่ได้มากราบท่าน เสียดายที่ลืมดูทะเบียนรถตู้ท่าน ไว้ไปเสี่ยงโชค

ด้านนายกิมเม้ง ชาวกัมพูชา บอกวว่า ท่านชื่อพระจันทร์มุณี มาจากวัดในพื้นที่ อ.โรเลียปะเอีย จ.กัมปงชะนัง ประเทศกัมพูชา กำลังดังไม่นาน เป็นพระธุดงส์ มีคนศรัทธาเยอะ ท่านไม่รับเงินปัจจัย ไม่ใช้โทรศัพท์ ท่านสอนให้คนรักกัน สอนศีลธรรมความพอเพียง ไม่เบียดเบียนกัน ท่านจะใช้พัด พัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้กับชาวกัมพูชา บางคนเจ็บไข้ได้ป่วยก็หายดีก็มี ทำให้มีคนศรัทธาท่านจำนวนมาก ที่สำคัญไม่มีใครทราบอายุท่าน บางคนบอกว่าอายุร้อยกว่าปี แต่หน้ายังหนุ่ม บางคนบอกว่าเห็นท่านหน้าตาแบบบนี้มากว่า 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เปลี่ยน นอกจากนี้แล้ว ชาวกัมพูชาและชาวไทยที่ทราบข่าว ต่างนำเลขทะเบียนรถตู้คันดังกล่าวไปเสี่ยงโชคในงวดที่จะถึงนี้ตามระเบียบอีกด้วย