ญาติผู้ป่วยเคว้งเจอห้องฉุกเฉินร้าง รพ.ยันข้างในมีเจ้าหน้าที่อยู่ แต่มีเหตุจำเป็นต้องล็อกประตู

ญาติผู้ป่วยเคว้งเจอห้องฉุกเฉินร้าง รพ.ยันข้างในมีเจ้าหน้าที่อยู่ แต่มีเหตุจำเป็นต้องล็อกประตู

ญาติผู้ป่วยเคว้งเจอห้องฉุกเฉินร้าง รพ.ยันข้างในมีเจ้าหน้าที่อยู่ แต่มีเหตุจำเป็นต้องล็อกประตู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ญาติผู้ป่วยเคว้งเจอห้องฉุกเฉินร้าง รพ.ยันข้างในมีเจ้าหน้าที่อยู่ แต่กดกริ่งไม่ถูกวิธีเลยไม่ได้ยิน เผยเหตุผลต้องล็อกประตู

ผู้สื่อข่าวจาก จ.กระบี่ รายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ย. กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบายความรู้สึก ถึงการให้บริการที่ไม่ดีของ รพ.ปลายพระยา จ.กระบี่ โดยเธอระบุว่า เธอพาพี่ชายที่มีอาการป่วยหอบหืดอย่างรุนแรง หายใจไม่ออก ไปที่ รพ.ช่วงตี 2 ครึ่ง แต่กลับพบว่าที่ รพ.ไม่มี จนท.ห้องฉุกเฉินคอยให้บริการแม้แต่คนเดียว เธอจึงตัดสินใจขับรถพาพี่ชายไป รพ.ทับปุด ใน อ.ทับปุด จ.พังงา แทน เพราะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้สุดอีกแห่ง โดยเธอโพสต์ใช้คำพูดในเชิงเตือนผู้ป่วยฉุกเฉินที่จะไปใช้บริการ ซึ่งหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฎว่ามีชาวบ้านพากันแชร์โพสต์ไปกว่า 1,000 แชร์ และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิการให้บริการของ รพ.รัฐกันอย่างหนักหน่วง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไป รพ.ปลายพระยา เพื่อตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งทาง จนท.ของ รพ.อธิบายว่า ในคืนเกิดเหตุ ทางญาติผู้ป่วย น่าจะกดกริ่งแบบไม่กดแช่ไว้ ทำให้เสียงกริ่งไม่ทำงาน ยืนยันว่าวันดังกล่าวมี จนท.อยู่ในห้องฉุกเฉิน ซึ่งกริ่งที่ติดไว้ตรงป้าย หากจะให้เสียงดังทำงาน ต้องกดแช่ไว้สักนิด อย่างไรก็ตามตอนนี้ทาง รพ.ทำการติดตั้งปุ่นกดกริ่งเพิ่มให้อีก 1 จุด ตรงปากทางเข้าห้องฉุกเฉิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย และญาติ

จากนั้นไปพบเจ้าของโพสต์ดังกล่าว คือ น.ส.เบญจรัตน์ อายุ 49 ปี เธอเปิดเผยว่า คืนเกิดเหตุเป็นช่วงตี 2 ของวันที่ 10 พ.ย. พี่ชายของเธอคือ นายเฉลิม อายุ 57 ปี มาบอกเธอว่ามีอาการหายใจไม่ออก เพราะป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ และหอบหืด ตอนนั้นเธอตกใจมากเพราะอาการค่อนข้างหนัก จึงรีบขับรถพาพี่ชายไป รพ. กัน 2 คน แต่พอไปถึงกลับไม่พบเจ้าหน้าที่ของ รพ.เลย ไม่มีเจ้าหน้าที่เวรเปล เจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉิน หรือแม้แต่ รปภ. แต่เห็นป้ายเขียนบอกให้กดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่ ตนจึงกดกริ่งแต่ก็ไม่มีใครออกมา พยายามผลักประตูห้องฉุกเฉิน ประตูก็ล็อก

ตอนนั้นคิดว่าหากช้าพี่ชายอาจไม่รอด เพราะเริ่มหายใจไม่ออก จึงตัดสินใจพาพี่ชายขึ้นรถ ขับไปที่ รพ.ทับปุด ห่างไปราว 37 กม. ใช้เวลาอีก 20 นาที จนทาง รพ.ทับปุด ช่วยรักษาอาการจนดีขึ้น น.ส.เบญจรัตน์ กล่าวต่อว่า ต่อมาจึงนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์ เพื่ออยากให้ รพ.ดังกล่าว และ รพ.ของรัฐทุกแห่ง ปรับปรุงการให้บริการกรณีฉุกเฉินแบบนี้ด้วย เท่าที่เคยเจอมา แต่ละ รพ.จะมี จนท.เวรอยู่ประจำ อาจจะมีบ้างที่ จนท.เวร จะนอนพัก ซึ่งตนเข้าใจได้ แต่ต้องพร้อมที่จะให้บริการถ้ามีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ามา

ซึ่งหลังตนโพสต์ไป ก็มีชาวบ้านหลายคนเข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการให้บริการของ รพ.รัฐ ตนจึงถือว่าตนพูดแทนชาวบ้านทุกคน

ด้านนายเฉลิม เผยด้วยว่า วันเกิดเหตุ ตนมีอาการหายใจไม่ออก ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไปหาหมอที่ รพ.ในตอนเช้า แต่พอตกดึกอาการรุนแรงขึ้น เริ่มหายใจไม่ออก ตนเชื่อว่าหากรอต่ออาจเสียชีวิตได้ จึงตัดสินใจบอกน้องสาวพาไปหาหมอที่ รพ. แต่พอไปถึงก็ไม่พบใครเลย จึงต้องไปหาหมอต่อที่ รพ.ทับปุด เพราะเคยมีประวัติการรักษาที่ รพ.ทับปุด กรณีที่เกิดขึ้น ตนอยากให้ รพ.รัฐทุกแห่ง ปรับปรุงเรื่องการให้บริการกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน เพราะทุกนาทีหมายถึงชีวิตของคน ไม่ได้มีเจตนาจะไปตำหนิ หรือโจมตีใครทั้งนั้น

ต่อมา นพ.ปพน ดีไชยเศรษฐ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กระบี่ ผอ.รพ. และ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาพบกับผู้เสียหาย เพื่อพูดคุยสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรับปากว่าจะกำชับ และปรับปรุงในเรื่องของการให้บริการของ รพ.รัฐทุกแห่งใน จ.กระบี่ พร้อมทั้งมอบกระเช้าขอโทษให้แก่ผู้เสียหาย

นพ.ปพน เผยว่า กรณีที่เกิดขึ้น ตนสอบถามปัญหาแล้ว พบว่าเกิดจากการบริหารจัดการ และความผิดพลาดส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนก็เรียกเจ้าหน้าที่เวรในคืนดังกล่าวมาพูดคุย ว่ากล่าวไปแล้ว หลังจากนี้จะกำชับให้ทุก รพ.ต้องปรัปปรุงพัฒนาในเรื่องของการบริการให้พร้อม และต้องดีกว่าเดิม ต่อไปพนักงานเวรเปล ต้องอยู่ประจำ 24 ชม. และจะเพิ่ม รปภ.ไปด้วยตรงหน้าห้องฉุกเฉิน และห้องฉุกเฉิน ประตูจะต้องเปิด 24 ชม.

ส่วนปัญหาในคืนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ต้องปิดประตูไว้ เพราะก่อนนี้เคยเกิดปัญหามีผู้ป่วยจิตเวช เข้าไปก่อกวนในห้องฉุกเฉินบ่อยครั้ง จนทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความหวาดกลัวจะเป็นอันตรายได้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนมีความตั้งใจจะดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุดอยู่แล้ว 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook