ปูนบำเหน็จ7ขั้น ผกก.บันนังสตาเป็น พล.ต.อ.
พล.ต.อ.อดุลย์ รุดเยี่ยมตำรวจเหยื่อโจรใต้ เลื่อนยศ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา เป็น พล.ต.อ. พร้อมมอบเงินเยียวยา ให้แก่ครอบครัวตำรวจน้ำดี 3 ล้านบาท
ที่ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา สบ 10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุ ถูกคนร้ายลอบวางระเบิด จนเป็นเหตุให้ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา เสียชีวิต ส่วนลูกน้องได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องนอนอยู่ห้อง ไอ.ซี.ยู 2 นาย คือ ด.ต.โสภณ อินทรบวร อายุ 36 ปี และ ส.ต.ท.รวิกร สังข์ศิริ อายุ 28 ปี ส่วน ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ โลมา อายุ 35 ปี อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว กล่าวว่า กรมตำรวจ ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร ผกก.บันนังสตา ต่างรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกรมตำรวจ ได้พิจารณาตอบแทนให้เลื่อนขั้น 7 ชั้นยศ พล.ต.อ. และมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัว จำนวน 3 ล้านบาท และดูแลการศึกษาของทายาทต่อไป
ที่ปรึกษา สบ 10 กล่าวอีกว่า จากกรณี พ.ต.อ.สมเพียร ถึงแม้ว่า จะไม่ได้รับการดูแลจากเรื่องการโยกย้าย แต่ก็ยังคงกลับมาทำงานตามปกติ จนมาเสียชีวิต ซึ่งก็เป็นเกียรติภูมิของตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ จึงขอให้ทุกคนได้ยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป ตามแบบอย่าง พ.ต.อ.สมเพียร ที่ทำงานด้วยความฉลาด และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงยอมรับเสียใจกับกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา หลังถูกคนร้ายลอบวางระเบิดเสียชีวิตวานนี้ พร้อมพิจารณาปูนบำเหน็จความดีความชอบ โดยเลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษ 7 ขั้น ให้เป็นพล.ต.อ. มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และจ่ายค่าชดเชยการเสียชีวิตจำนวน 25 เท่าของเงินเดือน เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า หลังพ.ต.อ.สมเพียร ได้มีการร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ระดับรองผู้บังคับการจนถึงสารวัตร ทางคณะกรรมการก.ตร.ได้พิจารณาเยียวยาให้แล้ว โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมก.ตร.ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ โดยพิจารณาให้เป็นรองผู้บังคับการสภ.กันตัง แต่พ.ต.อ.สมเพียร ได้เสียชีวิตก่อนที่จะมีการพิจารณา
แต่งตั้ง
นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังระบุด้วยว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก โดยหลังจากนี้ จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาผู้รับผิดชอบ ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ความกระจ่างกับสังคม