ซักที่นอนลูก 3 ขวบ เอะใจไส้ในหาย ลูกเล่าซื่อๆ แต่แม่น้ำตาไหล วิธีแกล้งหลับหนีครูลงโทษ
แม่เอาที่นอนลูก 3 ขวบกลับมาซัก เอะใจเป็นรูๆ ไส้ในหายไป รู้วิธีซ่อนตัวหนีครูลงโทษไม่นอนกลางวัน ทำเอาแม่น้ำตาไหล
สำหรับเด็กเล็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนอนุบาลจะปรับตัวได้ยากมาก เพราะคุ้นเคยกับการอยู่บ้านอย่างอิสระ แต่เมื่อไปเรียนก็ต้องไปเรียน กินและนอนเป็นเวลา รวมทั้งต้องเข้าแถวเข้าห้องน้ำด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้นการงีบหลับอาจเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเด็กๆ ในการปรับตัว และยังเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรคำนึงถึงมากที่สุดอีกด้วย
ดังเช่นเรื่องราวของเด็กชาวจีน เม่ยๆ (นามสมมุติ) เนื่องจากพ่อแม่ยุ่งอยู่กับการทำงานหาเงิน เด็กน้อยจึงเติบโตมากับการเลี้ยงดูของปู่ย่าตายาย ถูกเอาอกเอาใจมาก ที่บ้านมีคนป้อนอาหารให้ เล่นสนุกได้อย่างอิสระและไร้กังวล ด้วยเหตุนี้เมื่ออายุ 3 ขวบครึ่ง แม่ของเด็กน้อยจึงตัดสินใจพาเข้าโรงเรียนอนุบาล เพื่อหวังว่าคุณครูจะฝึกให้ลูกสาวของเธอมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยเมื่อเม่ยๆ เริ่มเข้าเรียนค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับอายุของเพื่อนๆ และครอบครัวยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก เมื่อได้รับแจ้งจากคุณครูว่า ลูกสาวของพวกเขาอดทนต่อกฎเกณฑ์ต่างๆ ไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเรื่องการนอนกลางวัน อย่างไรก็ตาม ครูยังบอกด้วยว่าผู้ปกครองไม่ต้องกังวล เพราะเชื่อว่าเด็กจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
กระทั่งวันหนึ่ง ทางโรงเรียนขอให้ผู้ปกครองนำผ้าห่มและหมอนของนักเรียนกลับบ้านไปซัก แม่ของเม่ยๆ พบว่าผ้าห่มของลูกสาวมีรูอยู่ 2-3 รู และสำลีในผ้าห่มก็หายไปด้วย นี่อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนเป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะฉุกคิดว่า เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? และเมื่อไปถามลูกสาวก็ได้รับคำตอบมาอย่างซื่อๆ ว่า
"ตอนเที่ยงที่โรงเรียนหนูนอนไม่หลับเลยหยิบสำลีมาเล่น เพราะบางทีพอนอนไม่หลับ ครูก็ให้ไปยืนนอกประตูห้องเรียน หนูก็เคยโดนไปด้วย หนูกลัว เลยเอาห่มผ้าคลุมหัว แล้วเล่นสำลี"
แม่แปลกใจกับเรื่องราวที่ลูกสาวเล่าออกมา เด็กต้องนอนห่มผ้าอยู่ 2 ชั่วโมงโดยพยายามไม่ขยับตัว เมื่อเบื่อเลยเล่นสำลี เมื่อคิดว่าลูกสาวของเธอคงจะอึดอัดมาก ผู้เป็นแม่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
ด้วยความหงุดหงิดกับสิ่งที่ลูกต้องอดทนมา และสิ้นหวังเพราะลูกสาวไม่สามารถฝึกงีบหลับที่โรงเรียนได้ ผู้เป็นแม่จึงพิมพ์เล่าเรื่องราวลงในกลุ่มโซเชียลฯ เพื่อขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ให้ลูกเรียนรู้วิธีงีบหลับในโรงเรียนอนุบาล อย่างไรก็ดี พ่อแม่ส่วนใหญ่บอกว่าถ้าลูกนอนบนที่นอนไปสักพัก ก็จะหลับไปเองแน่นอน...
และมีครูอนุบาลคนหนึ่งเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ในฐานะผู้ปกครอง คุณควรช่วยให้ลูกปรับตัวเข้ากับชีวิตในโรงเรียนอนุบาล มีวินัยตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ตามใจลูก แม้ว่าจะอยู่บ้านในวันเสาร์-อาทิตย์ พ่อแม่ก็ควรดูแลเรื่องเวลางีบหลับด้วย เพื่อให้เด็กๆ ได้คุ้นเคยเป็นกิจวัตร"
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้พิสูจน์แล้วว่า เด็กจะฉลาดขึ้น 10-30% และมีความคล่องตัวมากขึ้น หากได้งีบหลับอย่างเต็มที่
เวลาที่เหมาะสำหรับการงีบนอนกลางวันคือ 2-3 ชั่วโมง จะช่วยให้อาหารกลางวันที่ทานเข้าไป ย่อยจากกระเพาะอาหารเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้เล็ก ลดอาการแสบร้อนกลางอก และลดความเสี่ยงของความผิดปกติของการนอนหลับ อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กที่ได้ไปโรงเรียนแล้ว ช่วงพักกลางวันจะสั้นมาก เพราะต้องรักษากิจวัตรและตารางเรียนขณะอยู่ในชั้นเรียน ดังนั้น ควรพยายามให้ลูกงีบกลางวันอย่างน้อย 30 นาที