ด.ช.หายตัวปริศนา ตอนยืนรอรถโรงเรียน ตร.มึน หาให้วุ่น 4 ชม. เจอหลับสบายอยู่ในป่า
เด็กชายวัย 8 ขวบ หายตัวไประหว่างรอรถโรงเรียน ตามหากันวุ่นหลายชั่วโมง สุดท้ายเจอหลับปุ๋ยในป่า ตื่นมาเฉลยเองมานอนตรงนี้ได้ไง
ตามรายงานพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองซีอาน ประเทศจีน และได้รับความสนใจจากประชาชนในประเทศเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลา 06.00 น. หลังจากพ่อได้ส่งลูกชายวัย 8 ขวบไปที่ป้ายรถโรงเรียน และต้องรีบไปทำงานด่วน จึงต้องปล่อยให้ลูกรอรถตามลำพัง อย่างไรก็ตาม 2 ชั่วโมงต่อมา พ่อกลับได้รับสายจากทางโรงเรียน โทรมาถามว่าทำไมลูกชายไม่ขึ้นรถบัสมาเรียน คำถามนี้ทำให้ครอบครัวกังวลมากจึงโทรแจ้งตำรวจทันที
สถานีตำรวจท้องที่ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนชั้นประถมศึกษาคนหนึ่งหายตัวไป จึงจัดกำลังออกตระเวนค้นหาทันที หลังจากตำรวจและครอบครัวร่วมกันค้นหาอย่างระมัดระวังเกือบ 4 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็พบเด็กชายอยู่ในป่าใกล้หมู่บ้าน ซึ่งในขณะนั้นเด็กนอนหลับสนิท ก่อนเจ้าตัวจะตื่นมาเล่าว่า เนื่องจากรอรถบัสนานเกินไป จึงตัดสินใจเข้าป่าใกล้ๆ เพื่องีบหลับ เด็กชายนอนหลับตลอดช่วงเช้า โดยไม่รู้ถึงการมาของรถบัสโรงเรียนด้วยซ้ำ
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเด็กชายวัย 8 ขวบ พ่อแม่และตำรวจต่างก็ตกตะลึง โชคดีที่เด็กไม่ได้หายตัวไปจริงๆ และไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆ อย่างไรก็ดี แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรง แต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนต้องไตร่ตรอง สาเหตุที่แท้จริงที่เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก็เพราะว่าเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาขาดการนอนหลับที่เพียงพอ อาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปโรงเรียนที่ยาวนาน และการบ้านที่หนักหน่วงด้วย
พ่อพาเขาไปที่ป้ายรถโรงเรียนตอน 6.00 น. ซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะตื่นตอน 5.30 น. เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม การเข้าโรงเรียนทั่วไปคือ 8.00 น. ดังนั้น สันนิษฐานว่าหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ค่อนข้างไกลจากโรงเรียน และอาจต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อเดินทางโดยรถโรงเรียน ถ้าโรงเรียนเลิก 5 โมงเย็น เด็กชายจะกลับถึงบ้านเกือบ 19.00 น. แล้วก็ต้องกินข้าว ทำการบ้าน อาบน้ำ จนดึกดื่นถึงจะได้เข้านอน
ตามมาตรฐานแล้ว นักเรียนชั้นประถมศึกษาควรนอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เด็กชายในเรื่องนี้อายุ 8 ขวบ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ดังนั้นจึงควรนอนประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวัน ในกรณีนี้เด็กชายคงจะนอนหลับไม่เพียงพอมาเป็นเวลานานภาระเรื่องการบ้านและการเรียนอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเด็กอายุเพียง 8 ขวบ และผู้ใหญ่จำเป็นต้องไตร่ตรองถึงปัญหานี้