เกิดอะไรขึ้นใน "วันขอบคุณพระเจ้า" ครั้งแรก งานเลี้ยงตลอด 3 วัน กินอะไรกันบ้าง?

เกิดอะไรขึ้นใน "วันขอบคุณพระเจ้า" ครั้งแรก งานเลี้ยงตลอด 3 วัน กินอะไรกันบ้าง?

เกิดอะไรขึ้นใน "วันขอบคุณพระเจ้า" ครั้งแรก งานเลี้ยงตลอด 3 วัน กินอะไรกันบ้าง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"วันขอบคุณพระเจ้า" หรือ "Thanksgiving" ซึ่งเฉลิมฉลองกันในวันพฤหัสบดีที่สี่ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โดยปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน เป็นวันที่คนอเมริกันรำลึกขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ที่ช่วยให้ผู้อพยพมาตั้งรกรากในอเมริกาชุดแรกรอดชีวิตมาได้เมื่อเกือบสี่ร้อยปีมาแล้ว

  • นักประวัติศาสตร์ยังไม่ฟันธง เกิดอะไรขึ้นในวันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรก

ณ เมืองพลีมัธ รัฐแมสซาชูเซตส์ สถานที่จัดงานวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) เป็นครั้งแรก และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต ซึ่งจำลองความเป็นอยู่ของนักแสวงบุญและประเพณีวันขอบคุณพระเจ้า ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

พิพิธภัณฑ์ที่จำลองวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตแห่งนี้ ยังรวมถึงการเล่าเกี่ยวกับตัวแทนชนพื้นเมือง Wampanoag ที่ร่วมวันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกกับชาวอาณานิคมอังกฤษ

มาลิสสา คอสต้า สมาชิกชนพื้นเมือง Wampanoag และดูแลการจำลองวิถีชีวิตของพิพิธภัณฑ์ เผยว่า “ชาว Wampanoag ยังอยู่ที่นี่ ฉันอยากให้พวกเขาคิดว่าชาว Wampanoag ไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต หรือชนพื้นเมืองในยุคก่อน แต่เป็นผู้คนที่มีวิถีชีวิตในปัจจุบัน และยังให้ความรู้แก่คนทั่วไป”

ริชาร์ด พิกเคอริง หัวหน้านักประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ มองว่าวันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกเกิดจากการเคารพซึ่งกันและกัน โดยกล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น ณ เมืองพลีมัธในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1621 ถือเป็นการฑูตระดับสูงสุด” และเสริมว่า “เราไม่ควรแสดงความไม่ไว้วางใจใดๆ และความเกลียดชัง ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว”

ในปัจจุบัน ชนพื้นเมือง Wampanoag อยู่ในพื้นที่เขตอนุรักษ์ขนาดเล็กใกล้บริเวณดังกล่าว

ที่ผ่านมาชาว Wampanoag ได้ผูกมิตรกับคณะนักแสวงบุญ รวมถึงช่วยให้ความรู้แก่ผู้มาใหม่ให้รอดพ้นจากฤดูหนาวอันโหดร้ายถึงสองครั้ง ด้วยการสอนวิธีปลูกพืชและประทังชีพจากทรัพยากรท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม การที่ชนพื้นเมือง Wampanoag และชาวอาณานิคมอังกฤษ ลงเอยด้วยการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างไรนั้นยังไม่มีความชัดเจน

พอลลา ปีเตอร์ส ชนพื้นเมือง Mashpee Wampanoag Tribe และเป็นนักการศึกษา ให้ความเห็นว่า พวกเขาอาจมองว่าการยิงปืนที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภัยคุกคาม อาจเป็นแค่การเฉลิมฉลองช่วงการเก็บเกี่ยว ในเมื่อเราอยู่ตรงนี้กันหมดแล้ว ทำไมไม่กินอาหารร่วมกัน

เหล่านักประวัติศาสตร์และบุคคลอื่นๆ พยายามหาคำตอบอย่างมีหลักการ ว่าในงานเลี้ยงสามวันมีการรับประทานสิ่งใดกันบ้าง

การคาดเดาแตกต่างกันไป บ้างเชื่อว่าในตอนนั้นมีการกินสัตว์ปีก ซึ่งอาจจะเป็นไก่งวงหรือไม่ ก็ไม่มีความแน่ชัด บ้างกล่าวว่ามีการกินสัตว์ทะเลเปลือกแข็งและปลา หรือแม้กระทั่งบางคนบอกว่ามีการกินเนื้อกวาง ส่วนผลไม้ตามฤดูกาลอย่างแครนเบอร์รี่ คาดว่าน่าที่จะมีในงานเลี้ยงดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการทำลายล้างชนพื้นเมืองอเมริกัน ที่ต้องทนทุกข์ทรมานเมื่อชาวอาณานิคมผิวขาวเดินทางมาถึง เป็นสิ่งที่ไร้ข้อโต้แย้ง

พิกเคอริง นักประวัติศาสตร์ เล่าว่าชาวอาณานิคมต้องการที่ดินของชนพื้นเมือง และต้องการให้พวกเขาออกจากดินแดนนั้น คุณจะเห็นทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากการชื่นชมไปสู่การเหมารวมและการดูถูก ความคิดเช่นนั้นทำให้ชาวอาณานิคมอยากจะขับไล่ชนพื้นเมืองออกจากดินแดนโดยปราศจากความรู้สึกผิด

เดิมทีเหล่านักแสวงบุญเดินทางมาถึงอเมริกาเพื่อค้นหาเสรีภาพทางศาสนา ในทัศนะของปีเตอร์ส ชนพื้นเมือง Mashpee Wampanoag Tribe มองว่า เหล่านักบุญสละสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่ออิสรภาพของการนับถือศาสนา แต่กลับไม่ตอบแทนคุณให้กับผู้คนที่เป็นชนพื้นเมือง ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้มาแต่แรกเริ่ม

ทั้งปีเตอร์สและคอสต้าที่เป็นส่วนหนึ่งของชนพื้นเมืองดั้งเดิม วางแผนที่จะฉลองเทศกาล Thanksgiving ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว แต่ทั้งคู่จะไม่ลืมถึงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของเหล่าบรรพบุรุษที่มีสายเลือดเดียวกับพวกเขา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook