"โซโลมอน" กษัตริย์องค์พิเศษ มากเมีย มากเงิน มากปัญญา และมากปีศาจ มีตัวตนจริงไหม?

"โซโลมอน" กษัตริย์องค์พิเศษ มากเมีย มากเงิน มากปัญญา และมากปีศาจ มีตัวตนจริงไหม?

"โซโลมอน" กษัตริย์องค์พิเศษ มากเมีย มากเงิน มากปัญญา และมากปีศาจ มีตัวตนจริงไหม?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับคอเกม อาจคุ้นเคยกับ "กษัตริย์โซโลมอน" และเหล่าปีศาจอีก 72 ตน ที่มีการแบ่งเป็นลำดับชั้นต่างๆ เช่น คิง ปรินซ์ มาร์ควิส เอิร์ล ไนต์ หรือเพรสิเดนต์ ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าน่าจะเป็นเรื่องที่แต่งเติมขึ้นมาทีหลัง อย่างเร็วสุดก็ในราวศตวรรษที่ 14 ที่สำคัญก็คือ ในนิทานพันหนึ่งราตรีของอาหรับ ซึ่งมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับยักษ์จีนี่ในตะเกียงวิเศษ ก็ว่ากันว่าเป็นกษัตริย์โซโลมอนนี่เองที่ขังเจ้ายักษ์เอาไว้ในตะเกียงนั้น

บางคนอาจคุ้นกับชื่อของกษัตริย์โซโลมอน (หรืออิหม่ามสุลัยมาน ตามพระคัมภีร์อัลกุรอาน) ว่าเป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญา เพราะมีปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ (ถ้าเป็นไบเบิลก็จะเป็นหนังสือ พงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1) ที่เล่าว่าโซโลมอน (หรือซาโลมอน) ได้อุทิศตัวเองต่อพระยาห์เวห์ (ซึ่งต่อมาก็คือ "พระเจ้า" ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในศาสนาคริสต์ – แต่นักวิชาการศาสนาบางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่า ในเวลานั้น พระยาห์เวห์อาจเป็นเพียงเทพเจ้าองค์หนึ่งในหลากหลายองค์ก็ได้) จนทำให้พระยาห์เวห์มอบสติปัญญาชั้นเลิศให้กับโซโลมอน

ในพระคัมภีร์ยังกล่าวไว้ด้วยว่า โซโลมอนนั้นเป็นกษัตริย์ที่ "รวย" เอามากๆ ทรงปกครองชนชาติอิสราเอลอยู่ราว 40 ปี และถือเป็น 40 ปีแห่งความมั่งคั่ง ประมาณว่า โซโลมอนมีทองคำเก็บเอาไว้มากถึง 18,125 กิโลกรัม (หรือ 666 ทาเลนต์ อันเป็นหน่วยวัดในยุคโน้น) และข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างนั้นล้วนหรูหราอย่างยิ่ง สิ่งที่ร่ำลือกันก็คือวิหารของโซโลมอนและบัลลังก์ของโซโลมอนที่ยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใคร

ในอีกด้านหนึ่ง ยังมีบันทึกเอาไว้อีกว่า โซโลมอนคือกษัตริย์ผู้ "มากเมีย" อย่างยิ่ง เพราะทรงมีชายามากถึง 700 องค์ แล้วก็มีนางในอีก 300 คน รวมแล้วนับเป็นหลักพันกันเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น โซโลมอนจึงเป็นกษัตริย์ที่น่าจะ "พิเศษ" อย่างมากในประวัติศาสตร์กษัตริย์ อย่างน้อยก็ในคัมภีร์ไบเบิล เพราะทรงทั้งมากเมีย มากเงิน มากปัญญา และมากปีศาจด้วย

  • คำถามก็คือ โซโลมอนมีตัวตนจริงหรือเปล่า?

โซโลมอนมีตัวตนจริงไหม เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรงในทางประวัติศาสตร์ เรียกว่า Historicity of Solomon ซึ่งนอกจากจะเถียงกันว่าโซโลมอนมีตัวตนจริงไหมแล้ว ยังเถียงลึกลงไปในหลายประเด็น เช่นว่า ต่อให้มีตัวตนจริง แต่เป็นกษัตริย์จริงไหม หรือหากเป็นกษัตริย์จริง ก็แล้วทั้งหมดนี้คือเรื่องของคนคนเดียวหรือกษัตริย์องค์เดียวจริงหรือ หรือว่าด้วย "วิธีเขียน" ของไบเบิลที่มีลักษณะสลับซับซ้อน มีผู้เขียนมากมายหลายราย และมีการชำระรวบรวมหลายครั้ง จะทำให้โซโลมอนเป็นได้เพียงร่องรอยของเรื่องเล่าเท่านั้น

แต่ถ้าเชื่อตามพระคัมภีร์ไบเบิล (เอาไว้ก่อน) ก็ต้องถือว่าโซโลมอนมีตัวตนจริง โดยเป็นลูกของกษัตริย์ดาวิด (ผู้สังหารยักษ์โกไลแอธ) กับบาธชีบา (Bathsheba) ผู้เป็นมเหสี (ซึ่งจริงๆ ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเดวิดกับบาธชีบาที่ซับซ้อน และแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานศีลธรรมที่น่าวิพากษ์อีกเหมือนกัน แต่เนื่องจากไม่เกี่ยวข้อง จึงไม่ขอเอ่ยถึงในที่นี้)

โซโลมอนเกิดในเยรูซาเล็ม ประมาณว่าน่าจะเกิดในราว 990 ปีก่อนคริสตกาล (และตายราว 931 ปีก่อนคริสตกาล เมื่ออายุราว 58-59 ปี) เมื่อกษัตริย์เดวิดเริ่มร่วงโรยเพราะสังขาร มีความพยายามเสนอตัวจากหลายฝ่ายในการขึ้นครองบัลลังก์ต่อ แต่สุดท้ายบัลลังก์ก็มาตกอยู่ที่โซโลมอน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายคนโตก็ตาม นั่นเพราะบาธชีบาไปขอคำสัญญาจากเดวิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โซโลมอนจึงได้กลายเป็นกษัตริย์ตั้งแต่อายุยังน้อย คือราว 15 ปี

โซโลมอนเริ่มต้นยุคสมัยของตัวเองด้วยการกวาดล้างบรรดาผู้มีอิทธิพลเก่าๆ รวมไปถึงเหล่าทหารที่เคยรับใช้ใกล้ชิดเดวิด พ่อของตัวเองด้วย แล้วต่อมาก็แต่งตั้งบรรดาสหายที่รู้ใจทั้งหลายเข้ามาดูแลตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งในด้านการบริหารงานและด้านการทหาร ซึ่งถือได้ว่าเขามีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะทหารม้า รวมทั้งก่อตั้งสถานีการค้าตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ด้วย โดยเฉพาะการค้ากับฟินิเซีย ซึ่งสร้างความมั่งคั่งมหาศาลให้ เพราะร่วมมือกันออกไปสำรวจโลกเพื่อค้นหาสิ่งหรูหราต่างๆ เช่น ทองคำ เงิน ไข่มุก งาช้าง ฯลฯ

กษัตริย์ซาโลมอนทำโล่ใหญ่สองร้อยอัน แต่ละอันดาดทองคำหนักเกือบเจ็ดกิโลกรัม

…พระองค์ยังทรงทำพระที่นั่งขนาดใหญ่บุด้วยงาช้างและทองคำเนื้อดี 

…ถ้วยทั้งสิ้นของกษัตริย์ซาโลมอนทำด้วยทองคำ เครื่องใช้ทั้งหมดในท้องพระโรงเลบานอนไพรล้วนเป็นทองคำบริสุทธิ์ ไม่ใช้เงินเลย 

- จากพระคัมภีร์ไบเบิล พงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 -

ที่บอกว่าโซโลมอนมีทองคำมากถึง 18,125 กิโลกรัมนั้น พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพงศ์กษัตริย์ (10:14) บอกไว้ว่า เป็นการหามาได้ภายในเวลาหนึ่งปีเท่านั้นเอง (นั่นแปลว่าจะต้องมีมากกว่านี้อีก) ที่สำคัญก็คือ ก่อนหน้าโซโลมอน เดวิดเคยให้คนรวบรวมวัสดุก่อสร้างต่างๆ เพื่อจะเอาไว้สร้างวิหารถวายแด่พระเจ้า (คือพระยาห์เวห์) แต่มาเป็นยุคของโซโลมอนนี่เอง ที่การก่อสร้างได้เริ่มต้นขึ้นจริงๆ และสามารถสร้างได้จนสำเร็จด้วย โดยวิหารของโซโลมอน (Solomon’s Temple) นั้น มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า First Temple หรือวิหารแรก ในกรุงเยรูซาเลม และไม่ได้ใช้ประโยชน์เฉพาะในเรื่องศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รวมตัวของชาวอิสราเอลด้วย แต่วิหารแห่งนี้ถูกทำลายลงในราวเกือบสี่ร้อยปีให้หลัง เมื่อเยรูซาเลมถูกเนบูคัดเนสซาร์ที่สอง ซึ่งเป็นกษัตริย์ของชาวบาบิโลน บุกเข้ามาพิชิตเมือง

ดังนั้น ถ้าถามว่าโซโลมอนมีตัวตนจริงไหม คำตอบในทางประวัติศาสตร์ก็คือน่าจะมีตัวตนจริง แต่ตัวตนจริงนั้นจะสอดคล้องกับตัวตนในเรื่องเล่าและตำนานหรือเปล่า ยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้แน่ชัด

เรื่องปีศาจของโซโลมอนนั้น ถ้าเราอ่านในไบเบิลอาจไม่พบเรื่องนี้สักเท่าไร แต่ถ้าไปอ่านคัมภีร์ที่ "ไม่ถูกนับรวม" ให้อยู่ในไบเบิล เช่น Apocalypse of Adam ซึ่งเป็นคัมภีร์นอสติก (Gnostic) หรือถูกมองว่าเป็นคัมภีร์นอกศาสนาที่เก่าแก่มาก น่าจะเขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 1 หรือ 2 พบว่ามีการเล่าถึงตำนานที่โซโลมอนได้ส่ง "กองทัพปีศาจ" (Army of Demons) ออกไปตามหาหญิงพรหมจารีที่หนีพระองค์ไป 

ว่ากันว่า เรื่องเล่าในคัมภีร์นี้น่าจะเป็นร่องรอยเก่าแก่ที่สุด ที่พูดถึงปีศาจของโซโลมอน ซึ่งโซโลมอนใช้อำนาจลึกลับบางอย่างควบคุมและทำให้ปีศาจกลายเป็นทาสของกษัตริย์ และต่อมาก็มีการสร้างเสริมเติมแต่งขึ้นมาจนกลายเป็นตำนานเล่าขาน

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่พระองค์ทรงส่งปีศาจออกไปตามล่าหญิงสาวพรหมจารีที่ปฏิเสธพระองค์นั้น น่าจะเชื่อมโยงถึงความ "มากเมีย" ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี และน่าจะเป็นเรื่องความมากเมียนี้เอง ที่นำกษัตริย์โซโลมอนผู้เรืองปัญญา โภคทรัพย์ และอำนาจมืด – ไปสู่ความเสื่อม

กษัตริย์โซโลมอนทรงรักหญิงต่างชาติหลายคน นอกจากราชธิดากษัตริย์อียิปต์แล้ว พระองค์ยังมีหญิงฮิตไทต์ หญิงโมอับ อัมโมน เอโดม และไซดอนด้วย พระองค์ทรงรับหญิงเหล่านี้ไว้เป็นพระมเหสีทั้งที่พระเจ้าทรงบัญชาชาวอิสราเอลไม่ให้แต่งงานกับชนชาติเหล่านี้ เพราะจะทำให้ชาวอิสราเอลเขวไปจงรักภักดีต่อพระอื่น กษัตริย์โซโลมอนทรงสมรสกับเจ้าหญิงเจ็ดร้อยองค์ และยังทรงมีพระสนมอีกสามร้อยคน หญิงเหล่านี้ทำให้พระองค์เลิกนมัสการพระเจ้า -จากพระคัมภีร์ไบเบิล พงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1-

อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์มองว่า การที่โซโลมอนแต่งงานกับเจ้าหญิงอียิปต์นั้น น่าจะมีเหตุผลทางการเมืองซ่อนอยู่ด้วย เพราะน่าจะทรงอยากเป็นพันธมิตรกับอียิปต์อย่างมาก และการแต่งงานนี้ก็ช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตนี้ใช้อธิบายการที่ทรงมีมเหสีหลากเชื้อชาติขนาดนั้นไม่ได้ เพราะแต่ละเชื้อชาติมีความขัดแย้งกันเองอยู่ การมีมเหสีมากเชื้อชาติจึงยิ่งน่าจะสร้างปัญหาและความขัดแย้งให้พระองค์ 

ด้วยเหตุนี้ จึงมีอีกหลายคนที่อธิบายความ "มากเมีย’ ของโซโลมอน ว่าไม่น่าจะเกิดเพราะเหตุผลอื่นใด นอกจากการ "หมกมุ่น" ในสตรีเพศ และด้วยวาทกรรมแบบไบเบิลนั้น เมื่อนำคำว่า "ผู้หญิง" มารวมกับคำว่า "ต่างชาติ" ด้วยแล้ว ก็มักจะไม่ได้มีความหมายอื่น นอกจากการยั่วยวน การเป็นหญิงงามเมือง ความไม่ซื่อสัตย์ทางเพศ หรือความหมกมุ่นในกามารมณ์ อันเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความเสื่อมต่างๆ นั่นทำให้พระเจ้าสาปแช่งโซโลมอน 

เจ้าจงใจฝ่าฝืนคำสัญญาที่ทำไว้กับเรา และไม่เชื่อฟังคำสั่งของเรา เราขอปฏิญาณว่า จะเอาอาณาจักรไปจากเจ้าให้แก่ข้าราชการผู้หนึ่งของเจ้า แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดพ่อของเจ้า เราจะไม่ทำดังนี้ในชั่วชีวิตเจ้า แต่ให้เกิดขึ้นเมื่อลูกของเจ้าขึ้นครองประเทศ และเราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากเขา แต่จะเหลือเผ่าหนึ่งไว้ให้เขา เพราะเราเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เรา และกรุงเยรูซาเลมที่เราเลือกไว้เป็นของเราเอง -จากพระคัมภีร์ไบเบิล พงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1-

หลังยุคของโซโลมอนแล้ว ชนเผ่าอิสราเอลสิบเผ่าก็แตกกัน เกิดเป็นอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือกับอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ขึ้นมาจริงๆ 

โซโลมอนถือว่าเป็นกษัตริย์ที่อยู่ตรงจุดสูงสุดของ ‘ยุคทอง’ ของอิสราเอล และเป็นกษัตริย์ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานมากมายที่สุดพระองค์หนึ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook