"5 เหตุการณ์สนั่นโลก 2023" ปีที่มีทั้งความสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่
Thailand Web Stat

"5 เหตุการณ์สนั่นโลก 2023" ปีที่มีทั้งความสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

"5 เหตุการณ์สนั่นโลก 2023" ปีที่มีทั้งความสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับถอยหลังเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีพ.ศ. 2566 หรือ ค.ศ. 2023 กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าตลอดปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เหตุการณ์มากมายทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดี เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ที่หมุนไปตามครรลองของมันอย่างที่เคยเป็นมา

พื้นที่ตรงนี้ ทีมข่าว Sanook News ขอพาทุกท่านย้อนไปชมว่ามีข่าวหรือเหตุการณ์ใดในต่างประเทศที่เกิดขึ้นในปี 2023 ที่กำลังจะผ่านพ้น ระดับที่เรียกได้ว่า "สนั่นโลก" จนส่งผลกระทบต่อประชากร, เศรษฐกิจ, สุขภาพ และความมั่นคงระดับนานาชาติกันบ้าง เชิญติดตามได้เลย

-----------------------------------

สงครามสุดโหดร้าย "อิสราเอล-ฮามาส"
xช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2023 ตามเวลาท้องถิ่นหรือประมาณช่วงเที่ยงตามเวลาประเทศไทย กลุ่มฮามาส หรือ กองกำลังติดอาวุธเคร่งศาสนาอิสลามที่ปกครองฉนวนกาซาในดินแดนปาเลสไตน์ ยิงขีปนาวุธประมาณ 5,000 ลูก ถล่มเข้าไปในประเทศอิสราเอล นับว่าเป็นเหตุรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของทั้งสองฝ่าย ก่อนจะเกิดการโต้ตอบเป็นระยะต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

รายงานล่าสุดระบุว่า นับตั้งแต่วันดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 14,800 คนในฉนวนกาซา ในจำนวนนี้เป็นเด็กร้อยละ 40 และมีผู้สูญหายกว่า 3,000 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการในอิสราเอลจากการโจมตีของฮามาสอยู่ที่ประมาณ 1,200 คน

ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสเพิ่งปล่อยตัวประกันกลุ่มแรก แลกกับการที่อิสราเอลปล่อยตัวผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์กลุ่มแรก ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงในกาซาเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งเริ่มเมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายนเป็นวันแรก ขณะที่อิสราเอลเผยว่าได้รับรายชื่อตัวประกันกลุ่มที่ 2 ที่กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้แล้วด้วย

สำหรับตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัวจากกาซาเมื่อวันศุกร์ ประกอบด้วยชาวอิสราเอล 13 คน, ชาวไทย 10 คน และชาวฟิลิปปินส์ 1 คน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อิสราเอลและกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาหยุดยิง

-----------------------------------

สู่ยุคสมัย "God Save the King"
eสืบเนื่องจากการที่ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต สิริพระชนมพรรษา 96 ปี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 ที่ปราสาทบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ และถือเป็นผู้ครองราชย์ยาวนานที่สุดของสหราชอาณาจักร ด้วยระยะเวลา 70 ปี 214 วัน ก่อนจะมีพระราชพิธีพระบรมศพเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2022 ณ โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์

จากนั้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร เกิดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2023 โดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเข้าพิธีสวมมงกุฎอย่างเป็นทางการที่พระอารามหลวงเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ พร้อมด้วยพระราชินีคามิลลา ที่ทรงเข้าพิธีสวมมงกุฎอย่างเป็นทางการในคราวเดียวกัน

สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ระบุในแถลงการณ์ว่า พระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้สะท้อนบทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่มีต่อกาลปัจจุบันเพื่อนำไปสู่อนาคต ขณะที่ราชประเพณีที่มีมาช้านานจะยังคงหยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์สืบไป

โดย สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งสหราชอาณาจักร (ประกอบด้วย อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์เหนือ) รวมถึงอีก 14 ชาติในเครือจักรภพ นำมาโดยประเทศใหญ่อย่าง ออสเตรเลีย, แคนาดา และ นิวซีแลนด์ รวมประชากรภายใต้การปกครองทั้งสิ้นมากกว่า 150 ล้านคน

-----------------------------------

แผ่นดินไหวสะเทือนโลกที่ "ตุรกี-ซีเรีย"
bวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 เวลา 04:17 นาที ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวใหญ่ที่ภาคใต้และภาคกลางของประเทศตุรกี กับ ภาคตะวันตกและภาคเหนือของประเทศซีเรีย ขนาด 7.8 และ 7.5 ในระยะเวลาห่างกันไม่นาน ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวที่เรียกว่า "ดับเบิลช็อก"

Advertisement


เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินแก่ชาวตุรกี-ซีเรียอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมี อาฟเตอร์ช็อก ขนาดเล็กหลายร้อยครั้งก็เกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ซ้ำอีกครั้ง ในช่วงห่างกันไม่ถึง 3 สัปดาห์หลังจากนั้น

รายงานระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตรวมแล้วมากกว่า 51,100 คน แบ่งเป็นในตุรกี เสียชีวิต 44,300 บาดเจ็บกว่า 108,000 คน และในซีเรีย เสียชีวิต 6,700 คน บาดเจ็บกว่า 14,500 คน ซึ่งทั้งโลกต่างตกตะลึงกับกับภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้จนนำไปสู่การยื่นมือเข้าช่วยเหลือจากนานาประเทศยาวนานนับเดือน

-----------------------------------

"4 ผู้นำชาติพิพาท" เคลื่อนไหวในเดือนเดียวกัน
qนับตั้งแต่เกิดสงครามครั้งล่าสุดระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน บริเวณชายแดนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 ก่อนที่ความขัดแย้งครั้งนี้ได้ขยายออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 จวบจนปัจจุบันที่ยังมีการตอบโต้กันเป็นระยะ

จากนั้นทั้งโลกก็ได้จับตามองความเคลื่อนไหวของ "ผู้นำ 4 ชาติ" ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา นั่นก็คือ วันที่ 13 กันยายน 2023 คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้พบกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เดินทางมาพบ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2023
pในคู่ของ คิม และ ปูติน ฝ่ายแรกเดินทางไปเยี่ยมชมเรือรบรัสเซียและโรงงานหลายแห่ง รวมทั้งแวะเยือนเมืองวลาดิวอสต็อก ทางภาคตะวันอออกของรัสเซีย ในระหว่างการนั่งรถไฟกลับกรุงเปียงยาง แต่นักวิชาการล้วนเห็นตรงกันว่า ประเด็นสำคัญคือการหารือความร่วมมือด้านการทหารและการเจรจาซื้อขายอาวุธมากกว่า นอกจากนี้ ปูติน เองยังได้ตอบรับคำเชิญไปเยือนเกาหลีเหนือในอนาคตด้วย

ด้าน เซเลนสกี แน่นอนว่าการมาพบ ไบเดน ครั้งนี้ก็เพื่อขอการสนับสนุนด้านการทหารและอาวุธเพิ่มเติมแก่ยูเครน ซึ่งผู้นำสหรัฐฯก็พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ด้วยงบประมาณมูลค่า 325 ล้านดอลลาร์ พร้อมย้ำว่า ชาวอเมริกันและคนทั่วโลกยืนเคียงข้างยูเครนเสมอ

-----------------------------------

ประกาศสิ้นสุดการระบาดทั่วของ "โควิด-19"
wโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม 2019 โดยพบครั้งแรกในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศในวันที่ 30 มกราคม 2020 และประกาศให้เป็นโรคระบาดทั่วในวันที่ 11 มีนาคมปีเดียวกัน

การระบาดทั่วก่อให้เกิดความไม่มั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจไปทั่วโลก ประชาชนบางพื้นที่มีอาการวิตกกังวล กลัวคนแปลกหน้า ลามไปจนถึงเหยียดเชื้อชาติชาวจีนและชาวเอเชียตะวันออก จากการแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิดๆ และทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับไวรัสยาวนานกว่า 3 ปี

อย่างไรก็ดี จากการคิดค้นวัคซีนสร้างภูมิต้านทาน ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยที่พบว่าติดเชื้อลดจำนวนลงเรื่อยๆ ทำให้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2023 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศว่า การระบาดทั่วของโควิด-19 สิ้นสุดลงแล้ว ส่งผลให้ชีวิตประจำวันของประชากรโลกทยอยกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง พร้อมรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่มากกว่า 6,921,601 คน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้