ย่าเลี้ยงหลานสาวมาเอง 5 ปี ช็อกผล DNA ไม่ใช่หลานแท้ ๆ ฟังคำตอบลูกสะใภ้ยิ่งอึ้ง
คุณย่าเพิ่งทราบว่าหลานสาวที่เลี้ยงมากับมือ 5 ปี ไม่ใช่หลานแท้ ๆ ของตัวเอง หลังจากการตรวจ DNA ฟังคำตอบจากลูกสะใภ้อึ้งกว่าเดิม
เว็บไซต์ HK01 รายงานเรื่องราวสุดพีกของครอบครัวหญิงชาวจีน เมื่อคุณย่ารายหนึ่งเพิ่งทราบว่าหลานสาวที่เลี้ยงมากับมือ 5 ปี ไม่ใช่หลานแท้ ๆ ของตัวเอง หลังจากการตรวจ DNA เพื่อทำเอกสารต่าง ๆ ให้หลานสาวเข้าเรียน แม้สุดท้ายเรื่องราววุ่น ๆ จะได้รับการแก้ไขโดยผ่านคนกลาง แต่ทุกคนในครอบครัวล้วนแล้วแต่เสียใจ
รายงานข่าว ระบุว่า "ย่าเฉิน" หญิงวัย 50 ปี ในเขตหลัวเจียง เมืองฉวนโจว มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ได้ขอความช่วยเหลือจากคนกลาง โดยอ้างว่า "เสี่ยวหัว" หลานสาวของเธอไม่สามารถยื่นขอทะเบียนบ้านเพื่อไปโรงเรียน เนื่องจากเป็นลูกนอกสมรส
ย่าเฉิน กล่าวว่า หลังจาก "อาฟาง" ลูกสะใภ้ของเธอ ตั้งท้องในปี 2561 เธอแนะนำให้ "อาเฉียง" ลูกชาย และอาฟางแต่งงานกัน แต่อาฟางตกลงที่จะหมั้นกันก่อนเท่านั้น หลังจากการเกิดของหลานสาว ทั้งสองก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และก็ไปทำงานที่ต่างเมือง โดยย่าเฉินจึงเป็นผู้ดูแลหลานสาวเพียงลำพังมานานกว่า 5 ปี
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหัวเข้าสู่วัยเรียนแล้ว ในเดือน พ.ค. ปีนี้ ย่าเฉินจึงให้อาเฉียงและเสี่ยวหัวไปตรวจ DNA พิสูจน์ความเป็นพ่อลูก โดยหวังว่าจะนำใบรับรองความเป็นพ่อไปใช้ในขั้นตอนยื่นเข้าทะเบียนบ้าน โดยไม่คาดคิดผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า เสี่ยวหัวไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของอาเฉียง ทำเอาทั้งครอบครัวถึงกับอึ้งกันไปพักใหญ่
ย่าเฉินคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและตัดสินใจดูแลเสี่ยวหัวต่อไป "ฉันคอยดูแลเธอตลอด 24 ชั่วโมงมา 5 ปีแล้ว"
อย่างไรก็ตาม ย่าเฉินไม่มีรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากเธอเป็นม่ายเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอได้อาศัยเพียงค่าครองชีพที่ลูกชายและลูกสะใภ้ให้มาเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายรายวัน และหลังจากที่อาเฉียงรู้ว่าเสี่ยวหัวไม่ใช่ลูกทางสายเลือดของเขา เขาก็พูดอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการจ่ายค่าครองชีพของเสี่ยวหัวอีกต่อไป ซึ่งทำให้ชีวิตของย่าเฉินยากยิ่งขึ้น และย่าเฉินยังไม่สามารถติดต่อกับอาฟางได้
ต่อมาอาเฉียงได้ขึ้นศาลเพื่อฟ้องร้องอาฟาง โดยเรียกร้องให้เธอจ่ายค่าเลี้ยงดูเสี่ยวหัวเป็นเวลา 5 ปี และค่าชดเชยทางจิตใจของครอบครัว รวมเป็นเงินกว่า 300,000 หยวน (ประมาณ 1,502,000 บาท) เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลประชาชนเขตหลัวเจียง เมืองฉวนโจว พิพากษาให้อาฟางจ่ายค่าเลี้ยงดู ค่ารักษาพยาบาล ค่าตรวจ DNA และค่าเสียหายทางจิตของป้าเฉิน รวมเป็นเงิน 85,000 หยวน (ประมาณ 425,000 บาท)
อาฟางอธิบายกับคนกลางว่า เธออายุเพียง 17 ปี ตอนที่เธอเริ่มออกเดทกับอาเฉียง และตั้งท้องเมื่ออายุ 18 ปี ในเวลานั้นเธอไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ของอาเฉียง และตอนนี้การหาพ่อของเสี่ยวหัวก็เป็นไปไม่ได้เลย
“ฉันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเสี่ยวหัวเหมือนกัน”
อาฟาง ยอมรับว่า เธอไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยได้ และหวังเพียงว่าจะจ่ายเป็นงวด ๆ เท่านั้น
หลังจากที่ย่าเฉินรู้ว่ารายได้ของอาฟางไม่แน่นอน เธอก็ยิ่งกังวลมากขึ้นที่จะทิ้งเสี่ยวหัวไว้ให้อาฟางดูแล โดยหวังว่าเธอจะได้เลี้ยงดูหลานสาวต่อไป อย่างไรก็ตาม คนในวงการกฎหมายเชื่อว่าย่าเฉินไม่น่าจะสามารถรับเลี้ยงเสี่ยวหัวในฐานะบุตรบุญธรรมได้
ด้วยความช่วยเหลือของผู้ไกล่เกลี่ย ย่าเฉินติดต่ออาฟางได้สำเร็จ ซึ่งอาฟางก็เข้าใจความตั้งใจดีของย่าเฉิน แต่เธอกังวลว่าหากอาเฉียงแต่งงานใหม่ในอนาคต อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงหวังที่จะพาเสี่ยวหัวไปดูแลเอง
เธอยังเน้นย้ำว่าเธอไม่ได้ละเลยลูกของเธอในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ชีวิตนั้นบังคับให้เธอทำงานนอกบ้าน เธอสัญญาว่าจะพาเสี่ยวหัวกลับไปที่บ้านเกิดของเธอในวันที่ 23 พ.ย. เพื่อยื่นขอทะเบียนบ้านและจัดการเรื่องการเรียน และขอให้แม่ของเธอช่วยดูแลหลาน
นอกจากนี้ เธอยังโอนเงิน 1,000 หยวน (ประมาณ 4,900 บาท) ให้กับย่าเฉินทันที โดยหวังว่าย่าเฉินจะช่วยดูแลเสี่ยวหัวจนถึงสิ้นเดือนนี้ และตกลงกันว่าย่าเฉินสามารถไปเยี่ยมเสี่ยวหัวเมื่อใดก็ได้ในอนาคต
เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลง คนกลางเชื่อว่าแม้ปัญหาทะเบียนบ้านและการศึกษาของเสี่ยวหัวจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ครอบครัวก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเสียใจในชีวิตได้ และเรียกร้องให้คนหนุ่มสาวทุกคนมีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแต่งงานและความรัก