"คนในข่าวแห่งปี 2566" บุคคลผู้สั่นสะเทือนสังคม ประเด็นร้อนแรง-ชื่อเสียงเลื่องลือ

"คนในข่าวแห่งปี 2566" บุคคลผู้สั่นสะเทือนสังคม ประเด็นร้อนแรง-ชื่อเสียงเลื่องลือ

"คนในข่าวแห่งปี 2566" บุคคลผู้สั่นสะเทือนสังคม ประเด็นร้อนแรง-ชื่อเสียงเลื่องลือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2566 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ถือเป็นอีกปีที่มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก้าวเข้าสู่ปี 2567 Sanook News ขอรวบรวมบุคคลในข่าวแห่งปี ทั้งบุคคลที่มี ชื่อเสียง และ ชื่อเสีย ที่เอ่ยชื่อมาทุกคนต้องรู้จัก เพราะปรากฎชื่อบนข่าวใหญ่ข่าวร้อน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมในวงกว้าง เรียกว่าเป็นบุคคลในข่าวที่สุดแห่งปี 2566 ก็ว่าได้

เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา ทวีสิน

นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ที่ใครๆ ก็หาว่าส้มหล่น

นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดัง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ภายหลังการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 นายเศรษฐาได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถัดจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมกันนี้ยังพ่วงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกด้วย

ทว่า การขึ้นดำรงตำแหน่งของนายเศรษฐานั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ไม่สนับสนุนว่าเขาเป็น "นายกฯ ส้มหล่น" หลายคนมองว่า เศรษฐา นั้นไม่เคยขึ้นเวทีดีเบตเลยสักครั้ง อีกทั้งบางส่วนมองว่า อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า เพราะมีบทบาทในช่วงหาเสียงมาโดยตลอด ที่สำคัญตือผลการเลือกตั้ง 2566 พรรคเพื่อไทย ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 2 รองจาก พรรคก้าวไกล แต่ด้วยกลเกมทางการเมืองทำให้ พรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงส่งไม้ต่อให้กับพรรคอันดับที่ 2 นั้น คือพรรคเพื่อไทย เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลกับอีก 8 พรรคร่วม และ พรรคก้าวไกลก็ได้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

ซึ่งนายเศรษฐา นั้นไม่ได้แสดงท่าทียี่หระกับคำว่า นายกฯ ส้มหล่น แต่ขอพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน สัญญาว่าจะเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศไม่ผิดหวัง

ภายหลังขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ก็มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์ ทั้งเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต การแก้ปัญหาหนี้สิน การผลักดันท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังถูกจับตามองไปจนถึงเรื่องส่วนตัวอย่างบุคลิก ภาษากาย ภาษาพูด การให้สัมภาษณ์ การแสดงออกในโซเชียลมีเดีย แม้กระทั่งสีถุงเท้าก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งแต่ไปไม่ถึงฝั่งเก้าอี้นายกฯ

หลังทราบผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 พรรคก้าวไกล คว้าชัยกวาดคะแนนเสียงไป 14 ล้านเสียง คนไทยค่อนประเทศเตรียมเรียก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่านายกฯอแต่เส้นทางของพิธาและพรรคก้าวไกลนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย แม้จะชนะการเลือกตั้ง แต่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีของรัฐสภาครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เสียงเห็นชอบโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ ไม่เพียงพอที่จะได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง

ต่อมาในวันที่ 19 กรกฎาคม เขาถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวเหตุถือหุ้นสื่อไอทีวี รัฐสภายังมีมติห้ามไม่ให้พิธาได้รับพิจารณาเห็นชอบนายกรัฐมนตรีรอบที่สองในวันเดียวกัน และภายหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ทำให้พรรคก้าวไกลมีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่พิธาไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้เนื่องจากถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ เขาจึงลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 15 กันยายน โดยมีชัยธวัช ตุลาธน ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

แม้จะไม่ได้เป็นนายกฯ ตามที่หลายคนคาดหวัง แต่พิธา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ยังคงมีบทบาทปรากฏตัวอยู่ในหน้าสื่อ ด้วยการเดินสายทำงานต่างๆ ในนามพรรคอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเดินทางไปดูงานและบรรยายในต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้ พิธายังติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสารไทม์ อีกด้วย การเคลื่อนไหวของพิธาในทุกๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องส่วนตัว จะดำเนินไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่ไม่สนับสนุน คู่ขนานกับกำลังใจจาก "ด้อมส้ม" ที่ฟาดฟันกันอยู่ในโซเชียลมีเดียแบบไม่มีใครยอมใคร 

บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

แคนดิเดต ผบ.ตร. กับชุดนอนที่จะเป็นดิจิทัลฟุตปรินต์ตลอดไป

ในวาระที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.คนที่ 13 จะเกษียณอายุราชการ ชื่อของ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็ติดโผ 1 ใน 4 แคนดิเดต ผบ.ตร. คนที่ 14 แต่ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งเพียงไม่กี่วัน วันที่ 25 ก.ย. 2566 เมื่อเวลา 06.00 น. ตำรวจไซเบอร์ และชุดคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 9/147 และ 9/148 ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งหลังสโมสรตำรวจ ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. เกี่ยวกับ พ.ร.บ.พนัน หลังตรวจสอบพบการเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ 

ในครั้งแรกที่พนักงานสอบสวนได้แสดงหมายค้นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ได้ออกมาหน้าบ้านในสภาพชุดนอน เสื้อสีขาว กางเกงขาสั้น ถุงเท้าสีขาว และแสดงท่าทีไม่พอใจ พร้อมตำหนิชุดพนักงานสอบสวน และชุดที่มาตรวจ พร้อมกับไล่ให้กลับไป และยังร้องขอให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาร่วมตรวจค้นด้วยตัวเอง ซึ่งภาพของบิ๊กโจ๊กถูกแชร์สะพัดไปในโลกออนไลน์ ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์และวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติของวงการตำรวจ ที่มีการนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของตำรวจชั้นผู้ใหญ่แบบไม่ไว้หน้า ซึ่งจากชุดที่บิ๊กโจ๊กสวมใส่ขณะตรวจค้นก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีการตั้งตัวใดๆ แม้แต่รองเท้ายังไม่ได้ใส่เลยด้วยซ้ำ

นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ถูกบุกค้นบ้าน ว่า เรื่องนี้มีผลเชื่อมโยงกับกรณีของกำนันนกแน่นอน เพราะช่วงเวลาเกิดขึ้นใกล้เคียงกับการเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนเองค่อนข้างปักใจไปกับเรื่องการแย่งชิงอำนาจใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากกระบวนการภายในของตำรวจ ที่ปะปนไปกับทุนสีเทา ซึ่งเว็บการพนันที่ได้มีการพูดถึงนี่ก่อนหน้านี้ที่มีการจับกุม "มินนี่" เว็บพนันออนไลน์ และคดีกำนันนกที่ยังไม่ได้คลี่คลาย ต้องยอมรับว่าองค์กรตำรวจเละเทะพอสมควร เมื่อประกอบกันกับการต้องแย่งชิง ผบ.ตร. คิดว่าการแข่งขันภายในค่อนข้างสูง ไม่ใช่การแข่งขันกันด้วยผลงานหรือไม่ สุดท้ายอาจจะเป็นการเตะตัดขา หรืออาจจะทำทุกวิถีทาง เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งกระบวนการแบบนี้จะทำให้ตำรวจอ่อนแอลง 

กำนันนก นครปฐม

กำนันคนดัง มากอิทธิพลล้นบารมี สะเทือนวงการสีกากีจนลุกเป็นไฟ

กำนันนก นครปฐม

กำนันนก นครปฐม มีชื่อจริงว่า นายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 34 ปี เป็นกำนันที่รับผิดชอบ ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม เป็นบุคคลที่ถือว่ากว้างขวางในพื้นที่ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันในคดียิง พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566

กำนันนกเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้หลังจากมีรายงานว่า พ.ต.ต.ศิวกร ผู้ตาย ถูกเชิญไปรับประทานอาหารที่บ้านกำนันนก และกำนันนกขอร้องให้ พ.ต.ต.ศิวกร เปลี่ยนตำแหน่งให้ญาติของตัวเองที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร จากสายตรวจรถวิทยุเป็นสายตรวจจักรยานยนต์ แต่ถูก พ.ต.ต.ศิวกร ปฏิเสธ ทำให้กำนันนกเสียหน้าและไม่พอใจ แม้มีการขอโทษกันในงาน แต่ถูก หน่อง ท่าผา คนสนิทของกำนันนกยิงจนเสียชีวิต

บ่ายวันถัดมา 7 ก.ย. กำนันนก เข้ามอบตัวต่อตำรวจ ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ส่วน หน่อง ท่าผา ถูกตำรวจตั้งทีมไล่ล่า กระทั่งถูกวิสามัญช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 8 ก.ย. 2566 หลังพยายามใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้

เมื่อการตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าหลังเกิดเหตุ “กำนันนก” หนีออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีรถจักรยานยนต์ตำรวจขับปิดท้ายขบวน นอกจากนั้นยังมีความพยายามทำลายหลักฐานสำคัญ เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในงานเลี้ยงถูกถอดโยนทิ้งลงน้ำ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุถูกนำไปซ่อนฝังอยู่ในดิน เมื่อตรวจสอบพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็น ปืนตำรวจ ที่จ่ายเงินซื้อโดย กำนันนก 

11 ก.ย. 2566 พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.ทางหลวง ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพัก คาดว่าเกิดจากอาการเครียดปม “สารวัตรแบงค์” ถูกยิงเสียชีวิต 

ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตรวจสอบแล้วพบว่า ในวันเกิดเหตุมีข้าราชการตำรวจ ไปร่วมงาน จำนวน 29 คน มีทั้งกลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กลุ่มที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา จำนวน 6 คน ซึ่งถูกออกหมายจับดำเนินคดีและนำตัว ไปฝากขังแล้วก่อนหน้านี้ และ กลุ่มที่มีพฤติการณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 15 คน เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนวงการสีกากียิ่งกว่าแผ่นดินไหว ยิ่งขุดคุ้ยยิ่งเห็นความดำมืดของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หลายราย ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจในสายตาสังคมยิ่งแย่เข้าไปอีก 

เสี่ยแป้ง นาโหนด

เสี่ยแป้ง นาโหนด

นักโทษหลบหนี ที่เจ้าหน้าที่พลิกแผ่นดินเขาบรรทัดตามหา แต่ก็หาตัวไม่เจอ

เสี่ยแป้ง นาโหนด หรือ นายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษในหลายคดีดัง หลบหนีออกจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ หลังเข้าพบแพทย์ตามนัดที่ รพ. จากนั้นสังคมได้ขุดคุ้ยวีรกรรมของเสี่ยแป้ง และพบว่าเขาคือนักเลงสุดโหดที่ต้องโทษหลายคดี โดยเฉพาะคดีปล้นตำรวจสืบสวนภาค 8 จนเกิดการยิงต่อสู้และชิงตัวผู้ต้องหา แหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลว่าการหลบหนีของเสี่ยแป้งในครั้งนี้ ได้เตรียมการล่วงหน้า โดยคาดการณ์ว่าเขาน่าจะออกมาล้างแค้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี เป็นเหตุให้เขาต้องโทษจำคุก

ตำรวจขยายผลจับกุมลูกน้องของเสี่ยแป้งที่มีส่วนช่วยเหลือในหลบหนี จนสามารถระบุเป้าหมายของเสี่ยแป้งได้ โดยกบดานบนเขาบรรทัด จ.พัทลุง ซึ่งต่อมาโลกออนไลน์มีการส่งต่อข่าว ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ “วิสามัญเสี่ยแป้ง” เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกมาให้ข้อมูล ยืนยันว่า “เสี่ยแป้งยังไม่ตาย” และไหวตัวทันเพราะเสียงหมาเห่าตำรวจ จนหลบหนีไปได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 8, ตำรวจภูธร ภาค 9, เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน เปิดปฏิบัติการปิดล้อม ไล่ล่าเสี่ยแป้งบนเขาอย่างต่อเนื่องนานนับสัปดาห์ แม้สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวย มีน้ำหลากเพราะฝนตก อากาศหนาว 22 องศา รวมทั้งทากชุกชุม และยังมี ตชด.นายหนึ่ง ถูกตัวต่อหัวเสือต่อยได้รับบาดเจ็บสาหัส มีอาหารชักเกร็ง หมดสติ ระหว่างเดินลาดตระเวน เรียกว่าเจ้าหน้าที่งอมพระรามเจ็บป่วยไปตามๆ กัน แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมเสี่ยแป้งได้ 

หลังหลบหนีไปกว่า 1 เดือน เสี่ยแป้ง ได้อัดคลิปเปิดใจที่เหมือนเย้ยการทำงานของตำรวจและกระบวนการยุติธรรม โดยระบุว่า ที่ผมหนีมาโทษก็ไม่ได้มากมาย แต่ที่ผมหนี เพราะผมอยากให้รู้ ว่าผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมทำหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม ไปหลายฉบับ มากมายเหลือเกิน แต่ก็ไม่เคยได้มีการตอบรับ คดีผมเนี่ย ผมคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว พี่น้องดูสิว่าความยุติธรรมยังมีไหม อัยการคนหนึ่ง, ตำรวจยศดาบตำรวจ และจ่าสิบเอกอีกคน รวมทั้งอีก 3 คน ก็ได้รับการประกันตัว และอัยการไม่ฟ้องทั้งที่เป็นผู้วางแผน กระทรวงยุติธรรม ความเป็นธรรมไม่มีอยู่จริง ถ้ามีอยู่จริงช่วยเอาอัยการกับพวกไปดำเนินคดี แล้วผมจะมอบตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook