แม่ร้องไห้โฮ ฮามาสปล่อยตัวลูกชาย เล่าตอนถูกจับไม่ลำบากเลย มีแค่เรื่องเดียวที่กลัว
แม่ร้องไห้โฮ ลูกชายโทรจากอิสราเอล หลังฮามาสปล่อยตัว เล่าชีวิตตอนถูกจับ ไม่ลำบากเลย มีแค่เรื่องเดียวที่กลัว
วันที่ 30 พ.ย.66 ที่บ้านม.3 บ.อำปึล ต.โชกเหนือ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายคมกริช อายุ 28 ปี หนึ่งในตัวประกันฮามาส ที่ถูกปล่อยตัวในล็อตที่ 2 จำนวน 4 คน เมื่อเวลา 23.50 น.ของคืนวันที่ 25 พ.ย.66 ที่ผ่านมา และจะเดินทางกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ในช่วงเที่ยงของวันที่ 30 พ.ย.66 พร้อมคนไทยทั้ง 17 คนตามที่เป็นข่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่า เครื่องบินดีเลย์ จะมาถึงประเทศไทยในช่วงเวลา 15.00 น. ซึ่งพ่อแม่ของนายคมกริช ทั้งนายสุนันท์และนางพรทิพย์ ชมบัว รวมทั้งพี่สาวของนายคมกริช ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ต่างดีใจที่จะได้พบนายคมกริช ที่ก่อนหน้านี้ไม่ทราบชะตากรรมมากว่า 1 เดือนครึ่ง และจะเป็นการพบหน้ากันในรอบ 4 ปีกว่า ที่นายคมกริชได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งครอบครัวไม่ได้เดินทางไปรับที่สนามบินแต่อย่างใด เนื่องจากครอบครัวยากจน ไม่มีเงินใช้จ่ายที่จะพอจ้างเหมารถไปรับได้ อีกทั้งยังไม่ทราบว่า ทางประเทศไทยจะมีการกักตัวอะไรอีกหรือไม่
ทั้งนี้นายคมกริช ได้ยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรศัพท์กลับมาหาพ่อแม่เมื่อช่วงเวลาตี 5 กว่า ของเช้าวันที่ 29 พ.ย.66 ที่ผ่านมา โดยคำถามแรกที่ถามกับพ่อแม่คือ พ่อแม่มีเงินใช้หรือไม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลอดเวลาที่ถูกจับเป็นตัวประกันนายคมกริชมีแต่ความห่วงใยพ่อแม่ กลัวว่าจะไม่มีเงินใช้ เพราะนายคมกริชจะโอนเงินมาให้พ่อแม่ใช้ทุกๆ เดือน ก่อนถูกจับกุมและขาดการติดต่อดังกล่าว อีกทั้งยังกลัวว่าพ่อแม่ลำบาก ไม่ต้องให้มารับ จะเดินทางกลับบ้านด้วยรถโดยสารเองอีกด้วย
นายคมกริชได้เปิดเผยกับพ่อแม่เพียงสั้นๆ ว่า “ตั้งแต่ถูกจับไป ตนเองเป็นห่วงพ่อแม่มาก กลัวไม่มีเงินใช้ จนปวดหัว จึงขอยากลุ่มฮามาสทาน เขาก็เอานยามาให้ เวลาทานข้าวก็กินอาหารเหมือนกันกับกลุ่มฮามาส เขาดูแลตัวประกันเป็นอย่างดี”
ขณะเดียวกันที่บ้านเกิดของนายคมกริช ชมบัว ก็พบว่า มีสำนักข่าวจากประเทศเยอรมัน ได้ส่งผู้สื่อข่าวสาว ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์ดังกล่าวอีกด้วยเช่นกัน
นายสุนันท์ พ่อของนายคมกริช กล่าว ลูกชายโทรศัพท์มาหาพ่อแม่เมื่อเช้าตี 5 ตนก็ตกใจว่าเสียงใคร ไม่รู่ว่าเป็นใคร เขาบอกว่า พ่อครับๆ ผมนนท์เด้อ ตนถามว่านนท์สบายดีไหม เขาบอกว่าสบายดีครับ ยังไม่ถามอะไรเขาก็ถามมาก่อนว่า พ่อสบายดีมั้ย ไม่ต้องเป็นห่วงหนูเด้อ เขาก็ถามพ่อแม่เป็นอย่างไรบ้าง มีเงินมีอะไรใช้ไหม เขาบอกห่วงพ่อแม่อย่างเดียว จะมาถึงไทยพรุ่งนี้เที่ยง เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงไม่ต้องมารับ เขากลับเองได้ กลับรถโดยสาร กลับมาถึงก็จะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ และก็ให้บวชแก้บน 7 วัน ตอนนี้ดีใจมาก ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากชีวิตลูก ขอบคุณรัฐบาล และฝ่ายต่างประเทศที่ช่วยเจรจาให้ลูกชายได้กลับมาอย่างปลอดภัย
นางพรทิพย์ แม่ของคมกริช กล่าวว่า พ่อได้ยื่นโทรศัพท์มาให้ บอกว่าแม่คุยกับลูกก่อน ตนถามว่าลูกไหน แม่จับโทรศัพท์มาพูดบอกว่า ใคร ลูกเลยตอบมาว่า อ้าว แล้วจำไม่ได้บ่ว่าใคร เพราะเสียงลูกแหบตนจำไม่ได้ แม่นี่ลูกเด้อนิ นนท์ไง แม่ยังงงๆ บอกว่า นนท์ไหน พอแม่รู้แล้วว่าเป็นลูกชายจริงๆ แม่ร้องไห้เสียงดัง กลัวลูกได้ยิน เลยเอามือปิดปากตัวเองไว้ และถามไปว่า นนท์ลูกแม่ใช่มั้ย เขาบอกว่าใช่ครับ เขาบอกว่ายืมโทรศัพท์เขาโทรมา ยืมเพื่อนในโรงพยาบาล ตอนที่ถูกจับ ตนเองเป็นห่วงพ่อแม่ กลัวแม่ไม่มีอะไรกิน เพราะเขาจะส่งเงินมาให้ทุกวันที่ 8 ของเดือน เวลานนท์คิดมากก็จะปวดหัว ขอยากลุ่มฮามาสกิน เขาก็ให้ เขาบอกว่าดูแลดี กินข้าวก็กินเหมือนกับกลุ่มฮามาส กินแบบเดียวกัน เขาพูดแต่เรื่องเป็นห่วงพ่อแม่ ไม่มีเวลาถามเรื่องอื่น