ครูชัยยศ ขายสวนลำไยสู้คดี ปมทุจริตค่าอาหาร ไม่รับเงินช่วยจากลูกศิษย์-เพื่อนครู

ครูชัยยศ ขายสวนลำไยสู้คดี ปมทุจริตค่าอาหาร ไม่รับเงินช่วยจากลูกศิษย์-เพื่อนครู

ครูชัยยศ ขายสวนลำไยสู้คดี ปมทุจริตค่าอาหาร ไม่รับเงินช่วยจากลูกศิษย์-เพื่อนครู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครูชัยยศ ขายสวนลำไยเตรียมเงินไว้เรียกร้องความเป็นธรรม ปมทุจริตเซ็นรับอาหารกลางวัน ไม่รับเงินช่วยเหลือจากลูกศิษย์และเพื่อนครู 

นายชัยยศ สุขต้อ อายุ 57 ปี อดีตครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ถูกคำสั่งปลดออกจากราชการหลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกรณีเซ็นตรวจรับงบอาหารกลางวันเด็กที่มีการทุจริต เปิดใจกับทีมข่าวบอกว่าไม่คิดว่าสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตราชการด้วยเจตนาดี จะมีผลลัพธ์คือถูกปลดออกจากราชการ หลังจากถูกปลดออกก็มีความเครียด ไหว้พระไม่จบก่อนนอน เหมือนความฝันว่าเราโดนขนาดนี้เลยหรือกับความตั้งใจตั้งมั่นที่ทำมาตลอดการทำงาน 26 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมากมายทั้งสภาพจิตใตและยังต้องเสียเงินมากมายในการต่อสู้เรียกร้องคืนความยุติธรรม

ล่าสุดได้ขายที่ดินสวนลำไยของที่บ้าน 1.5 ไร่ 150,000 บาท เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช่จ่ายในการเรียกร้องความเป็นธรรม ทั้ง ตั้งทนายความ ค่าเอกสาร และ ค่าเดินทาง

ครูชัยยศ บอกว่า จะใช้หนังสือคำสั่งของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่สั่งให้ตนเองทำหน้าที่ในการตรวจรับรายการอาหารและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งหลักฐานอีกส่วนหนึ่งจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และ ผลงานคุณงามความดีในการทำงานที่ผ่านมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่และยังใช้งบประมาณส่วนตัว ไม่เคยคิดทุจริตโกงกิน เป็นหลักฐานในการอุทธรณ์และต่อสู้คดีเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง

สำหรับประเด็นที่มีการร้องเรียนว่าการเกลี่ยงบอาหารทำให้อาหารเด็กเล็กลดลงและด้อยคุณภาพ ยืนยันว่าที่ผ่านมาทางโรงเรียนจัดอาหารให้กับเด็กเล็กและเด็กมัธยมได้กินอิ่มและเพียงพอ เด็กบอกว่าอาหารดีกว่าที่บ้านที่บางทีต้องกินข้าวกับเกลือกับน้ำปลา โดยในเรื่องอาหารกลางวัน ในโรงเรียนขยายโอกาสทาง สพฐ.ไม่ได้จัดสรรงบอาหารกลางวันให้เด็กมัธยม ในทางปฏิบัติก็ต้องมีการแบ่งปันและเป็นการบริหารของแต่ละโรงเรียน

ครูชัยยศ บอกว่า กรณีที่ ป.ป.ช. แถลงยืนยันว่าตนเองต้องรับผิดในฐานะเป็นกรรมการตรวจรับ เนื่องจากต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบก่อนเซ็นรับ มองว่าไม่ยุติธรรม และเป็นการตัดสินที่เร็วเกินไปและไม่ละเอียด ตนเองเข้าใจว่าเป็นเอกสารการตรวจรับรายการอาหาร แต่ยอมรับว่าไม่มีความรู้ในเรื่องเอกสารเหล่านี้ ตัวเองเรียนครูมาก็ไม่ได้มีความรู้และความถนัดเกี่ยวกับเรื่องการเงินหรือพัสดุ แต่เมื่อทางโรงเรียนมีครูน้อย เมื่อมีคำสั่งก็ไม่มีสิทธิฝ่าฝืนอะไรได้ โดยคิดว่าไม่ยาก แค่เซ็นชื่อตรวจรับตามรายการที่ส่งมาให้เท่านั้น

ขณะที่คำสั่งของ สพป.เขต 5 เข้าใจว่าเมื่อ ปปช. ชี้มูลมาก็มีแค่สองทางเลือกคือไล่ออกหรือปลดออก แต่หากมองเจตนาของตนเองแล้ว แค่ตัดหรือลดขั้นเงินเดือนก็ไม่ควรโดนด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้ควรต้องมองเจตนาเป็นสำคัญ ส่วนที่ต้องมารับผิดเพราะความไว้เนื่อเชื่อใจครูที่ทำหน้าที่ทำงบประมาณจัดซื้อหรือไม่ ครูชัยยศบอกว่าไว้ใจทุกคน ไม่เคยระแวงใครและไม่เคยรู้ด้วยว่ามีการทุจริต

ครูชัยยศ เชื่อว่ายังมีครูอีกหลายคนที่ทุ่มเทเสียสละแต่ต้องมาประสบชะตากรรมกันเดียวกันกับตนเอง ฝากถึงรัฐมนตรีศึกษาธิการให้ความเมตตาด้วย ที่ผ่านมาทำงานตามลำพัง ทำดีไม่หวังผลตอบแทน แต่วันนี้รู้สึกน้อยใจ วันนี้ตนเองอาจมีรอยยิ้มกับคนรอบข้าง แต่พอตกกลางคืนก็คิดมากนอนไม่หลับ ตนเองเป็นข้าราชการแต่วันนี้อาชีพกลับย้อนมาทำลายตัวเองแล้วจะหาความภูมิตรงไหนจากความเป็นข้าราชการไทย

ทีมข่าวรายงานว่าหลังถูกปลดทางผู้บริหารโรงเรียนได้แจ้งให้ครูชัยยศออกจากบ้านพักครูโดยเร็วที่สุดเนื่องจากเกรงจะผิดระเบียบราชการ ขณะที่มีบุคลากรทางการศึกษาบางคนตำหนิถึงการออกมาให้ข่าวที่ทำให้เสียหาย  ขณะที่เมื่อวานนี้กลุ่มเพื่อนครูและศิษย์เก่าได้เดินทางนำเงินที่ระดมทุนกันมามอบให้ครูชัยยศเป็นเงิน 60,000 บาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ครูชัยยศไม่รับเงินจำนวนดังกล่าวไว้  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook