เศรษฐีวัย 65 พบรักแท้สาววัย 39 แค่ 25 วัน จูงมือแต่งงาน ก่อนยกสมบัติให้เมียหมด

เศรษฐีวัย 65 เล่าชีวิตรักสุดทึ่ง พบรักหญิงวัย 39 ปี ในคลาสเต้นรำ เพียงแค่ 25 วัน จูงมือแต่งงาน ก่อนตัดสินใจยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ภรรยา

เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า เรื่องราวความรักของเศรษฐีชาวฮ่องกง วัย 65 ปี พบกับหญิงจีน วัย 39 ปี กลายเป็นข่าวฮือฮา หลังจากทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ เล่าที่มาความรักว่าพบรักกันขณะเต้นรำ และแต่งงานกันหลังจากพบกัน เพียง 25 วัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะตัดสินใจยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ภรรยาเป็นผู้ดูแล

ตามรายงาน ระบุว่า สื่อจีน Xigua Video ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสั้น ๆ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นการสัมภาษณ์คู่รักคู่หนึ่ง ฝ่ายชาย คือ นายเจิ้ง วัย 65 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ และเกิดในครอบครัวนักวิชาการ พ่อของเขาเป็นวิศวกรและเป็นผู้อำนวยการโรงงานก่อนเกษียณ แม่ของเขาทำงานด้านการแปลและการศึกษาในครอบครัว

พ่อแม่ของนายเจิ้งไม่สนับสนุนการทุบตีหรือดุ ดังนั้นนายเจิ้งและน้องชายจึงเติบโตมาภายใต้การดูแลของความรักและความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก น้องชายของนายเจิ้งไปอเมริกาตอนที่เขาโตขึ้น เพราะเขารักน้องชายของเขามาก จึงยังให้เงินค่าขนมกับน้องชายเป็นครั้งคราว

นายเจิ้งยังคงทำงานอยู่ โดยมีรายได้ 60,000 ดอลลาร์ไต้หวันต่อเดือน (ประมาณ 67,000 บาท) และได้รับค่าจ้าง 13 เดือนต่อปี ขณะเดียวกันเขาได้รับวิลล่าของพ่อแม่ของเขา ซึ่งมีมูลค่าตลาด 15 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 531,960,000 บาท) มีหุ้นบริษัท และได้รับโบนัสเป็นระยะ ๆ ซึ่งเขามอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับภรรยา

ก่อนหน้านี้ นายเฉิงแต่งงานกับอดีตภรรยาของเขาซึ่งเป็นช่างเสริมสวยชาวฮ่องกง และสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายมาประมาณ 20 ปี อดีตภรรยาอายุน้อยกว่าเขา 9 ปี และมีลูกสาวอายุ 19 ปี ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่เริ่มห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากปัญหาเรื่องลูกสาว และท้ายที่สุดก็จบลงที่หย่าร้างกัน

นายเจิ้งกับภรรยาคนปัจจุบันของเขามีอายุต่างกัน 26 ปี พวกเขาเล่าที่มาเกี่ยวกับการพบกัน นายเจิ้ง บอกว่า เขาเคยเรียนเต้นลาตินเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว และครูได้แนะนำนักเรียนหญิงคนหนึ่งให้เป็นคู่เต้นรำของเขา ทั้งสองแต่งงานกันหลังจากพบกัน 25 วัน

นายเจิ้ง ใช้คำอธิบายความสัมพันธ์นี้ ว่า "ภรรยาก็เหมือนเสื้อผ้า" มันเหมือนกับเวลาไปซื้อเสื้อผ้าแล้วเห็นอะไรบางอย่างก็รู้สึกดี และคุณอยากได้มันทันที แม้ว่านางเฉิงจะสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่นายเจิ้งก็เชื่อว่าเขาพบกับคนที่ใช่แล้ว

นอกจากการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว นางเฉิง วัย 39 ปี ยังเปิดเผยว่าเธอมาจากมณฑลหูหนาน และอยู่ที่ฮ่องกงมาประมาณ 20 ปี อดีตสามีของเธอซึ่งเป็นพลเมืองฮ่องกง ทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง 

นางเฉิงทำงานความสะอาดรถบัสสองชั้น และมีรายได้ประมาณ 4,000 ดอลลาร์ไต้หวันต่อเดือน (ประมาณ 4,500 บาท) ต่อมาเธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ หัวหน้างาน เจ้าหน้าที่จัดซื้อ และผู้จัดการเขตประกันภัย ในเวลาเดียวกันเธอยังต้องดูแลชีวิตประจำวันและอาหารของลูกชายทั้งสองคนของเธอ

ในช่วงเวลาที่เธอเป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้อ เธอยังต้องพาลูกชายไปที่เซินเจิ้นด้วย ประกอบกับเธอไม่มีญาติในฮ่องกง อีักทั้งอดีตสามีเก็บตัวและไม่ค่อยแบ่งปันความรู้สึก ปัญหาการสื่อสารทำให้ชีวิตสมรสพังทลาย และลูกชายทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อ

นางเฉิง เล่าอีกว่า สามีของเธอมักจะส่งข้อความหาเธอ เช่น "ภรรยาที่รัก" และ "ภรรยาของฉัน" ซึ่งทำให้เธอมีความสุขมาก นอกจากคำพูดแล้ว นางเฉิงยังมีความสุขมากที่สามียกสมบัติทั้งหมดของเธอ

และเนื่องจากเธอชอบดอกไม้ สามีของเธอจึงส่งดอกไม้ให้ทุกสัปดาห์ เขาใช้เงินประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 7,897,000 ล้านบาท) เพื่อซื้อและรีโนเวทบ้าน 3 ห้องนอน มีดาดฟ้าพื้นที่ประมาณ 700 ตารางฟุต เพื่อให้เธอปลูกดอกไม้ และมอบบ้านให้เธอ

นายเจิ้งยังมอบวิลล่าซึ่งมีมูลค่าตลาด 15 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 531,960,000 บาท) เงินฝากธนาคารทั้งหมด กระเป๋าถือหรูหลายใบ รถยนต์ส่วนตัว BMW X3 และป้ายทะเบียนให้กับภรรยาสุดที่รักของเขา แม้แต่ผู้รับผลประโยชน์จากการประกันภัย ก็คือนางเฉิง

นางเฉิงยังพูดติดตลกว่าสามีของเธอมีเงินเพียง 3,000 ดอลลาร์ไต้หวันต่อเดือนเท่านั้น (ประมาณ 3,300 บาท) สำหรับไว้ซื้ออาหารเช้า

นายเจิ้ง อธิบายว่า “นอกจากรักแท้แล้ว ฉันคิดว่ามันเป็นความไว้วางใจที่แท้จริง” เมื่อถามว่ากังวลว่าภรรยาจะทิ้งเขาไปหลังจากได้รับทรัพย์สินหรือไม่ นายเจิ้งตอบว่า “คนส่วนใหญ่เห็นคุณ และเห็นสิ่งที่คุณสูญเสีย ผมเห็นสิ่งที่ผมได้มา”

ในระหว่างการสัมภาษณ์ นายเจิ้ง นัยน์ตาแดงก่ำ นางเฉิง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เขาอ่อนไหวมาก บางครั้งฉันก็พูดอะไรที่โดนใจเขา แล้วเขาก็จะเป็นแบบนี้" นายเจิ้งถอนหายใจและกล่าวว่า "ฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้เจอภรรยา ได้เจอรักที่แท้จริงแล้ว” จากนั้นทั้งสองก็จูบกันหน้ากล้องแสดงความรัก 

ทั้งนี้ ทั้งสองคนกำลังเตรียมตัวสำหรับการมีลูก ส่วนฝ่ายภรรยาก็อยากจะคลอดบุตรให้สามีของเธอ