โอ๊ยน้อ ยายซ่อนเงิน 4 หมื่น ไว้บนฝ้า หาไม่เจอคิดว่าโดนขโมย ที่แท้ฝีมือ "หนูนี่เอง"
ยายซ่อนเงิน-ทองไว้บนฝ้า ตกใจหาไม่เจอ คิดว่าขโมยขึ้นบ้าน รู้ความจริงแล้วได้แต่ถอนใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะยาย
วันนี้ (11 ธันวาคม 2566) ผู้สื่อข่าวจังหวัดหนองบัวลำภูรายงานว่า กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Surasak Orasrl โพสต์ข้อความ ว่า "ฝากข่าวไปถึงเพื่อนๆทุกๆคน เงินหลายหมื่น กับทอง2บาท ของตาชาย ยายรี เห็นแล้วเด้อครับสรุปหนูลากไปกิน ไปทำรัง อยู่ที่ฟ้าเพดานเงินเสียหายหมดใช้บ่อได้ เหลือแต่ทอง ไปโทษแค่ขโมย โอ้ยน้อ กราบขออภัยทุกๆคน"
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ บ้านในหมู่ที่ 5 บ้านโคกสะอาด ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู และได้พบกับนายชาย กับนางนารี ซึ่งเป็นพ่อ และแม่ของนายสุรศักดิ์ เจ้าของโพสต์ดังกล่าว
ยายรีเล่าให้ฟังว่า ตนได้เอาเงินซ่อนไว้ที่ฝ้าเพดาน ชั้นล่าง ใกล้กับเชิงบันได เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา จำนวน 40,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการขายหมู สร้อยคอทองคำ 2 บาท และสมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม โดยใส่ไว้ในถุงผ้าวางซุกไว้ใต้เพดาน
ต่อมาเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. ยายจำได้ว่า ทุกวันที่ 10 จะมีเงินคนชราเข้ามาในบัญชี จึงไปค้นหาสมุดบัญชีเพื่อจะไปตรวจสอบกับธนาคารว่าเงินเข้าแล้วหรือยัง แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดฝ้าเพดานเข้าไป แต่กลับไม่พบ สร้างความตกใจ จึงเรียกสามีมาดู ช่วยกันค้นหาก็ไม่พบ พยายามรื้อฝ้าเพดานที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ที่คาดว่าอาจจะหลงไปวางไว้ ก็ไม่เจอ ใช้เวลาหาอยู่หลายชั่วโมง ทั้งคิดระแวงไปว่า มีมือดีเข้ามาขโมยไป เนื่องจากมีแต่ 2 ตายายอยู่ที่บ้าน ลูกหลานก็อยู่ต่างจังหวัด
ท้ายที่สุดจึงเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจโนนสัง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. โดยเชื่อมั่นว่าอย่างไรเสียเงินคงหายไปหมดแล้ว แต่ที่ไปแจ้งความก็เพราะกังวลว่าเงินในบัญชีธนาคาร ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่ง เกรงว่าคนร้ายจะใช้สมุดบัญชีไปสวมรอยถอนเงิน จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ส่วนนายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกชายทำงานอยู่ที่ กทม. ทราบข่าว จึงขับรถกลับมาทั้งคืน ถึงบ้านเวลาประมาณ 7.00 น
ก่อนที่ช่วงเช้าประมาณ 10.00 น. ญาติและเพื่อนบ้าน ใกล้ชิดพากันมาให้กำลังใจ และชวนยายนารีไปดู ตรงบริเวณที่ซ่อนเงิน ตากับยายจึงพาเพื่อนบ้านเข้าไปชี้จุดที่เก็บเงินไว้ให้ดู โดยมีนายณรงค์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นหลานเขย ตามเข้ามาดูด้วย และนายแหล่ หรือณรงค์ เป็นคนพบเงินและทอง ที่ยายนารี ไปซ่อนไว้ใต้ฝ้าเพดาน
นายณรงค์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเดินเข้ามาเห็นเพื่อนบ้านและสองตายายพากันเข้าไปชี้ ใต้ฝ้าเพดานจุดที่เก็บเงินและทองไว้ ตนจึงเดินตามเข้าไปดู เมื่อไปเห็นตรงใต้บันได ซึ่งเป็นจุด พบเงินและทอง ตนสังเกตเห็นมี เศษนุ่น หลุดมาติดคาอยู่ตรงมุมใต้ฝ้าเพดาน จึงเอะใจว่าน่าจะเป็นรังหนูอยู่ตรงนั้น จึงบอกตาชัยให้ไปหาบันไดมาตนจะขึ้นไปดู
เมื่อได้บันไดมาแล้วตนปีนขึ้นไปเอามือดันเข้าไปใต้ฝ้าเพดานตรงบริเวณ ใต้บันได ทางขึ้นชั้นบน ก็พบเศษธนบัตรใบละ 1,000 โผล่ออกมา ตนจึงดันขึ้นไปจนสุดก็พบ ถุง ผ้า ใส่ ถุงทอง และเงินรวมทั้งสมุดธนาคาร ที่หนูกัดฉีกกระจุยออกมา จึงตะโกนว่าพบแล้ว ญาติพี่น้องที่พากันเดินออกมาแล้ว ได้ยินเสียงว่าพบแล้วจึงดีใจ วิ่งเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเฮลั่นด้วยความดีใจแทนเจ้าของบ้าน
ตาชาย บอกว่า ครั้งแรกที่ได้ยินนายแหล่ ร้องว่าพบแล้วยังไม่เชื่อ นึกว่านายแหล่แกล้งพูด หยอกเล่นตน แต่เมื่อเห็นนายแหล่ รื้อเอาฝ้าเพดานและของที่อยู่ใต้ฝ้าออกมาทั้งหมดจึงเชื่อ แล้วเข้ามาช่วยกันกับยายรีตรวจสอบ พบว่าทองคำอยู่ในสภาพดี แต่เงินใบธนบัตรใบละ 1,000 บาทจำนวน 40 ฉบับ ถูกหนูกัดกระจุยกระจาย ทั้ง 40 ฉบับ บางฉบับ กัดจนเหลือ ชิ้นส่วนเล็กๆ ได้รับความเสียหายทั้งหมด รวมทั้งสมุดธนาคารทั้ง 3 ฉบับก็โดนกัด ขาดวิ่น
ยายนารี เล่าว่า หลังจากที่เพื่อนบ้าน พากันรู้ว่า ถุงเงินและทอง ที่ซ่อนไว้ไม่ได้หายไปไหนแต่โดนหนูกัด ชาวบ้านแทบจะ ทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านโคกสะอาดต่างพากันมามุงดู เหมือนเป็นงานเทศกาล ส่วนนายสุรศักดิ์ ลูกชายที่เดินทาง มาจากกรุงเทพฯ เมื่อทราบข่าวว่า พบถุงเงินแล้วจึงโพสต์ชี้แจง พร้อมขอโทษที่เข้าใจคนอื่นผิดไป พร้อมบอกว่าให้เป็นอุทาหรณ์
ต่อมาภายหลัง ยายนารียังเล่าให้ฟังต่อไปว่า จริง ๆ แล้วเมื่อปีที่แล้ว ตนเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และแหวนทอง หนักวงละ 2 สลึงจำนวน 4 วง ใส่ถุงไปซ่อนไว้บริเวณเดียวกันกับครั้งนี้ และ ก็เคยหายไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นตนได้เปิดเพดานขึ้นและเอาไฟฉายส่อง แต่เนื่องจากว่ามีแต่ทองคำไม่มีเงิน เมื่อส่องไปก็เห็น ทองคำของตนกระจายอยู่ใต้ฝ้าเพดาน จึงไปเปิดและเก็บเอามาได้ทั้งหมด พบว่าแหวนทั้ง 4 วงได้รับความเสียหายทุกวง มีแต่สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหาย
หลังจากเอาทองไปให้ร้านทอง ตรวจสอบพบว่าแหวนทองคำ 3 วงซึ่งมีน้ำหนักวงละ 2 สลึง ถูกกัดขาดทุกวง เมื่อช่างดูแหวนทั้ง 3 วงรวมกันน้ำหนักทองคำหายไปถึง 1 สลึง จากน้ำหนักรวมกัน 3 วง 1 บาท 2 สลึงเหลือ 3 วง แค่ 1 บาทกับ 1สลึง น้ำหนักขาดไป 1 สลึง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ครั้งก่อนก็เคยหายแล้ว ครั้งนี้ก็ยังมาหายอีกแถมทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ยายจะยังเอาทรัพย์สินเงินทองไปซ่อนไว้ใต้ฝ้าเพดานอีกหรือเปล่า ยายนารีตอบว่าไม่ซ่อนแล้ว เดี๋ยวจะให้ชาวบ้านมารื้อฝ้าเพดานออกให้หมด แต่ตาชายผู้เป็นสามีบอกว่าไม่รื้อหรอก หากไม่เอาไปซ่อน ก็ไม่น่ามีปัญหา ตาชัยยังเล่าต่ออีกว่าตอนเย็นนี้จะมีการเลี้ยงสังสรรค์ เป็นกำลังใจให้ตนและครอบครัว รวมทั้งญาติมิตรที่มาร่วมแสดงความห่วงใย
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ