“พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูดวิจารณ์รัฐบาล ยันรัฐบาลทำงานหนัก

“พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูดวิจารณ์รัฐบาล ยันรัฐบาลทำงานหนัก

“พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูดวิจารณ์รัฐบาล ยันรัฐบาลทำงานหนัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูด วิจารณ์รัฐบาลเพียงหวังผลประโยชน์การเมือง อาจพาก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน 8 ปี ยืนยันรัฐบาลทำงานหนัก 3 เดือน ที่ผ่านมาแค่เร่งสางปัญหาจากรัฐบาลประยุทธ์ก็เก่งแล้ว

นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลที่ออกมาวิพากษ์วิจารย์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา ทวีสินว่า ตอนพรรคก้าวไกลอยากเป็นรัฐบาล มากราบอ้อนวอนให้พรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาล แตกต่างกับตอนนี้มากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนั้นอ่อนน้อมถ่อมตนพูดจาดีเรียบร้อย ให้สัมภาษณ์ชมว่าพรรคเพื่อไทยดีมีผลงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนได้ผล นำพาประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง พรรคก้าวไกล

 จึงมาเชิญพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชน แต่พอพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาลและต้องไปเป็นฝ่ายค้านก็ออกมาตำหนิติเตียนรัฐบาลเศรษฐา สารพัดว่าไม่ดีไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสมมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลพรรคเดียว การจะทำอะไรตามนโยบายของเพื่อไทยทั้งหมดจึงไม่ได้ และจำเป็นจะต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ด้วย

นายพายัพ กล่าวว่า ปัญหาที่สะสมจากรัฐบาลชุดที่แล้ว 8-9 ปี ก็มีอยู่มาก ทั้งหนี้สิน ทั้งเงินกู้ต่างประเทศ ปัญหาการส่งออกและการแข่งขันกับต่างประเทศ ปัญหาเรื่องของคดีเหมืองทอง ปัญหาการซื้อเรือดำน้ำ ยังไม่รวมกลไลการบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกวางไว้แน่นหนาทั้งระบบ รัฐบาลต้องทำความเข้าใจปัญหาทุกอย่างทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

ซึ่งเพิ่งผ่านมาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นแต่รัฐบาลก็แก้ไขปัญหาหลายอย่างไปมากแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ออกเดินสายทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อรับทราบปัญหาและหาทางแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน รัฐบาลมุ่งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และขยายโอกาสให้ประชาชน พยายามแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ เร่งปราบยาเสพติดอย่างเด็ดขาด

แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้ เชื่อว่ารัฐบาลจะนำนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนออกมาขับเคลื่อนได้มากขึ้น ส่วนโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทขณะนี้ก็คืบหน้าไปมาก รัฐบาลได้ส่งเรื่องถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาแล้วคาดว่าในเดือนพฤษภาคมปี 2567 ก็คงเริ่มโครงการได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook