นายก แจงต่อพรบ.มั่นคงระวังเหตุ
ครม.ขยาย เวลาประกาศ พรบ.ความมั่นคงออกไปอีก 7 วัน โดยลดพื้นที่เหลือ กทม. นนทบุรี 2 อำเภอ และ สมุทรปราการ 5 อำเภอ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการประเมินการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าว่า จะประชุมที่ใด แต่ยังอยากประชุมกันที่ทำเนียบรัฐบาลส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่ง นี้ที่รัฐสภานั้น ได้กำชับให้ดูแลสถานการณ์โดยยอมรับว่า ไม่ใช่ประชุมในสภาวะปกติ โดยให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง รายงานมาตรการพร้อมขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ จากการประเมินสถานการณ์ร่วมกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการกำชับทุกกระทรวงเดินหน้าทำงานแก้ปัญหา ไม่ให้การชุมนุมเป็นอุปสรรค พร้อมพูดถึงการชี้แจงสำหรับกระทรวงที่ถูกพาดพิง ส่วนการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะจัดให้มีการประชุมกันเป็นระยะ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง กระทบกับเศรษฐกิจอย่างแน่นอน โดยรัฐบาลพยายามหาทางออก และไม่นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะตัวเลขด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบด้านตลาดเอเชีย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าได้อนุมัติขยายเวลาการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยได้พิจารณาตามข้อเสนอของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เห็นว่าควร
ขยายการประกาศออกไปอีก 7 วัน โดยลดพื้นที่เหลือกรุงเทพฯ นนทบุรี 2 อำเภอ คือปากเกร็ด และอำเภอเมือง และจ.สมุทรปราการ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บางบ่อ อ.บางพลี อ.พระประแดง อ.บางเสาธง อ.เมือง ซึ่งหลังจากนี้
ตนจะเป็นประธานการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเพื่อออกกฎต่างๆ ต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงปัญหาภัยแล้ง ในการรายงานการช่วยเหลือ และติดตามสถานการณ์โดยเฉพาะสภาวะแม่น้ำโขงแห้ง เพื่อนำไปประชุม MRC ในต้นเดือนเมษายน รวมถึงการตั้งข้อสังเกต เรื่องการบริหารจัดการน้ำจากประเทศจีนและปัญหาหมอกควัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย จะเดินสายพบปะกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ถอนตัวจากการเป็นรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิ่งที่สามารถพูดคุยกันได้ แต่ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลเอาเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่จากการทำงานด้วยกันที่ผ่านมา ก็ยังคงมีความเป็นหนึ่งเดียว และไม่มีอะไรบ่งบอกถึงความเป็นเอกภาพ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังย้ำว่ารัฐบาลไม่ขัดข้องที่จะเจรจากับกลุ่มคน เสื้อแดง แต่ควรพูดคุยกันถึงกรอบการเจรจาก่อน ซึ่งการยุบสภา และสัตยาบันก่อนนั้น ยังเป็นข้อเรียกร้องที่ยังสับสน เพราะยังคงมีหลายข้อเสนอของผู้ชุมนุมรวมถึง กรณีที่ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเสนอก็เป็นคนละเรื่องกับผู้ชุมนุม ซึ่งยังไม่มั่นใจในข้อเรียกร้องโดยหากอยากให้ยุบสภาขอให้มาคุยกันในเรื่อง เงื่อนไขก่อน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง 27 มี.ค. สามารถทำได้ แต่หากเป็นไปนอกกรอบ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์แล้ว เพื่อเป็นประธานในการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน