ชายฟื้นจากความตาย หายเป็นใบ้-ตาบอด เพื่อนบ้านขนลุกกันหมด เหมือนเกิดใหม่จริงๆ
เพื่อนบ้านเห็นกับตา ชายหยุดหายใจ 30 นาที ก่อนฟื้นจากความตาย แถมหายเป็นใบ้-ตาบอด เหมือนเกิดใหม่จริงๆ จนน่าขนลุก
เรื่องราวของ นายบี (นามสมมุติ) ชายอายุ 74 ปี ชาวเมืองเกิ่นเทอ ประเทศเวียดนาม ที่คนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างรู้กันดีว่าเขา "ฟื้นคืนชีพ" จากความตายเมื่อ 22 ปีที่แล้ว แม้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ บางคนก็ยังไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ยากและน่าตื่นเต้นเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง
เพื่อนบ้านคนหนึ่งเล่าว่า “ผมเป็นเพื่อนบ้านของนายบี เราเคยกินข้าวด้วยกัน และผ่านมรสุมชีวิตมามากมาย เขาคือชายผู้ประสบอุบัติเหตุเป็นใบ้และตาบอดมานานหลายสิบปี หลังจากนั้นก็ล้มป่วยรักษาไม่หาย แต่ในขณะที่ครอบครัวตระเตรียมงานศพ เขาที่หยุดหายใจเป็นเวลา 30 นาที ก็ตื่นขึ้นมา ปากพูดสื่อสารได้ และตาก็ไม่บอดอีกต่อไป
ตอนนั้นคิดว่าผีหลอก ถ้าผมไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองคงไม่เชื่อแน่ๆ และเขาก็อยู่มาจนตอนนี้โดยมีสุขภาพแข็งแรง และมักจะทำความดีเพื่อช่วยผู้คนในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่นต้มน้ำบัวจะช่วยผู้ที่มีลิ้นหัวใจรั่วได้ ผมเองก็เป็นสมาชิกกลุ่มช่วยเหลือของเขาด้วย"
ตามรายงานพบว่า เดิมนายบีเป็นชายหนุ่มที่มีสุขภาพดี ทำงานหลายอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงภรรยาและลูกๆ แต่เมื่ออายุ 27 ปี จู่ๆ ก็เป็นลมหมดสติ เขานอนหมดสติอยู่ในโรงพยาบาลได้ 3 วัน เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นทุกคนรอบตัวเขา เขาอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปรากฎว่า "พูดไม่ได้"
นายบีเล่าว่า "ผมสับสน ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไม่ได้ ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าของหมอที่ยืนอยู่ข้างๆ หยิบปากกาแล้วเขียนข้อความในมือว่า 'ขอกระดาษแผ่นหนึ่ง' เมื่อได้กระดาษมาก็เขียนว่า 'อยากพูดแต่ออกเสียงไม่ได้' ตอนนั้นไม่คิดว่าจะตื่นมาเป็นคนใบ้"
นายบี อยู่โรงพยาบาล 1 เดือนจนสุขภาพแข็งแรงดี แต่แพทย์ยังคงไม่สามารถหาสาเหตุที่ทำให้เขาพูดไม่ได้ เพียงแค่ขอให้เขารออีกหน่อย เพื่อตรวจกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยกว่า ซึ่งจะรายงานผลการตรวจที่ครอบคลุมกว่า แต่สุดท้ายแล้วเขากลับต้องรอนานถึง 20 ปีโดยไม่ได้ยินข่าวความคืบหน้าใดๆ เลย
เช้าวันหนึ่งในเดือนตุลาคม พ.ศ.2540 นายบีรู้สึกเหนื่อยและเจ็บไหล่ และจู่ๆ ดวงตาของเขาก็ปิดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อลืมตาอีกครั้งก็ "มองไม่เห็นอะไรเลย" ครอบครัวพาเขากลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่แพทย์ก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุของการ "ตาบอด" เฉียบพลันได้
“ตอนนั้นพ่อให้ที่ดินผืนหนึ่งมาขาย เพื่อหาเงินไปซื้อยาและใช้หนี้เพื่อนบ้าน ผมก็คิดว่าไม่กลัวความตายอีกต่อไป เพราะชีวิตมีขึ้นมีลงมากมาย ผมไม่ได้ออกไปไกล แค่อยู่บ้านเล่นกับภรรยาและลูกๆ พอถึงเวลาอาหารภรรยาก็เอาอาหารมาให้” นายบีเล่า
4 ปีหลังจากตาบอด ในปี พ.ศ.2544 จู่ๆ เขาก็ล้มคว่ำหน้าหมดสติ ภรรยารีบโทรหาเพื่อนบ้านให้มาช่วย นายบีหลังน้ำตาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาครั้งนั้น พร้อมเล่าว่า “พวกเขาบอกว่าผมหมดสติ ไม่หายใจ และนอนนิ่ง ทุกคนคิดว่าผมตายแล้วจึงไม่คิดจะพาผมไปโรงพยาบาลอีก และครอบครัวก็ตั้งใจจะเตรียมงานศพ
แต่ประมาณ 30 นาทีต่อมา จู่ๆ ผมก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความตื่นตระหนกของครอบครัวและเพื่อนบ้าน ในตอนนั้นผมมึนงงและถามพวกเขาว่า 'คนเยอะขนาดนี้ทำอะไรกันอยู่?' แล้วก็ไล่มองพวกเขาทีละคนอย่างชัดเจน นั่นทำให้พวกเขายิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าผมไม่ได้ตาบอดหรือเป็นใบ้อีกต่อไป”
นายบีบอกด้วยว่า “เมื่อตอนเป็นใบ้และตาบอด ผมมักสวดภาวนาว่าหากโชคชะตามาถึงก็จะยอมรับความตาย แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ขอให้ผมเลิกเป็นใบ้และตาบอดเสียเถิด และจะทำบุญทำทาน ดังนั้นเมื่อพ้นจากประตูแห่งความตายแล้ว ผมจึงไปทำงานการกุศลมา 2 ปี”
หลังจากเสร็จสิ้นการทำงานการกุศล เจ้าของโกดังยาที่นายบีทำงานการกุศลให้ ก็ตัดสินใจ "ลงทุน" เพื่อให้เขาเรียนวิชาแพทย์แผนตะวันออก 2 หลักสูตร จนสำเร็จการศึกษาระดับกลางด้านการแพทย์แผนตะวันออก และกลับมาร่วมทำงานด้วยกัน ต่อมาโกดังยาปิดตัวลง เขาจึงนำวิชาชีพกลับมาช่วยเหลือคนในบ้านเกิดจนบัดนี้
อย่างไรก็ดี แพทย์เผยว่า "เป็นไปไม่ได้" ที่นายบีจะหยุดหายใจ 30 นาทีแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้ บางทีเขาอาจจะหยุดหายใจแค่ 1-2 นาที แต่เพราะครอบครัวตื่นตระหนก และไม่ได้ตรวจทางเดินหายใจให้รอบคอบ จึงคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ส่วนเรื่องเป็นทั้งใบ้และตาบอด จำเป็นต้องอาศัยการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เชิงลึกเพื่ออธิบาย