ทหารพรานหญิงถูกสิบเอกอนาจารในค่าย เหยื่อถูกบีบให้ลาออก คนก่อเหตุได้เลื่อนยศ

ทหารพรานหญิงถูกสิบเอกอนาจารในค่าย เหยื่อถูกบีบให้ลาออก คนก่อเหตุได้เลื่อนยศ

ทหารพรานหญิงถูกสิบเอกอนาจารในค่าย เหยื่อถูกบีบให้ลาออก คนก่อเหตุได้เลื่อนยศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทหารพรานหญิงถูกรุ่นพี่ทหารทำอนาจารในค่าย ร้องเรียนไปกลับถูกบีบให้เซ็นใบลาออก คนก่อเหตุได้เลื่อนยศ เครียดจนเกือบจบชีวิต

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" ได้พา นางสาวชลลดา อดีตทหารพรานหญิง อายุ 28 ปี เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมต่อ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เจ้ากรมจเร และโฆษกกองทัพบก ที่กองบัญชาการกองทัพบก

กัน จอมพลัง เผยว่า ทหารพรานหญิงผู้เสียหาย อยู่ชายแดนใต้มานานกว่า 7-8 ปี มารักษาตัวที่พิษณุโลก อยู่ในบ้านพักของค่ายทหาร มีรุ่นพี่ทหารของแฟนบุกเข้ามาที่บ้านตอนกลางคืน ช่วงที่แฟนไม่อยู่ พยายามกระทำชำเรา ผู้เสียหายต่อสู้จนหนีรอดออกมาได้ หลังเกิดเหตุไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่หน่วย แต่กลับได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับทางหน่วยงาน หลังจากนั้นเรื่องเงียบไป จึงไปร้องที่หน่วยของคู่กรณีก็เงียบไปเช่นกันไม่ได้รับความคืบหน้า

ผู้เสียหายจึงส่งเรื่องร้องเรียนเข้าไปในแอปพลิเคชันทหารบก ผ่านไป 3 วัน มีคนนำเอกสารมาให้เซ็นใบลาออก ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกว่าถูกกระทำ ได้รับผลกระทบ ส่วนผู้ก่อเหตุกับได้เลื่อนยศตำแหน่ง หลังเกิดเรื่องไม่มีใครออกมาปกป้อง ทั้งที่ตัสเองออกไปทำงานแถวชายแดนใต้ปกป้องพี่น้องประชาชน ทำงานตามคำสั่งนาย แต่กลับไม่มีใครเห็นคุณงามความดี กลับกลัวเสียภาพลักษณ์องค์กร วันนี้ตนประสานมาที่ ทบ.โดยทุกคนยินดีให้ความช่วยเหลือและจะรับข้อมูลและจะช่วยเหลือน้องอย่างเต็มที่

ด้าน นางสาวชลลดา อดีตทหารพรานหญิง ผู้เสียหาย เล่าถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า ในวันเกิดเหตุ เป็นช่วงเวลากลางคืน เหมือนมีคนมาขยับประตูห้อง ตนจึงวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อแอบดูว่าใครมาที่บ้าน เห็นทหารรุ่นพี่ของแฟนนั่งอยู่หน้าบ้าน ตนก็เริ่มสบายใจ ตนก็ตั้งสติเข้าไปที่ห้องครัวหยิบมีดมา และตัดสินใจเปิดประตูออกไป ตอนนั้นก็กลัวเหมือนกัน เพราะตนเปิดประตูออกไปถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ทหารรุ่นพี่ก็บอกว่าไม่มีอะไร

ตนจึงเดินเข้ามาในบ้าน เป็นจังหวัดเดียวกับที่ทหารรุ่นพี่ เปิดประตูเข้าตามมา แล้วก็พูดว่า "พี่ยินดีกับน้องทั้งสองคนนะที่ได้คบหากัน ขอกอดหน่อยได้ไหม พี่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว" จากนั้นได้พยายามดึงแขนตน แล้วเข้ามากอดเพื่อที่จะข่มขืน ตนรู้สึกสะอิดสะเอียนมาก พยายามผลักและต่อสู้ ตนเองได้เอามีดขู่ทหารรุ่นพี่ไป แต่ทหารรุ่นพี่ยังท้าทาย เปิดเสื้อขึ้น บอกให้ตนใช้มีดแทงมาเลย เมื่อสบโอกาสตนจึงวิ่งไปออกไปหน้าบ้านแล้วตะโกนเรียกให้คนช่วย แต่ไม่มีใครออกมาช่วย ตอนนั้นทหารรุ่นพี่ได้เดินไปบริเวณข้างบ้าน ไปที่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของเขา ที่จอดแอบไว้ แล้วออกขี่ออกไป ตนก็คิดว่าเรื่องมันจะจบแล้ว ตนจึงเข้าบ้านล็อกประตู แล้วไปซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ต่อมาไม่นานทหารรุ่นพี่คนเดิมได้ย้อนกลับมาอีก และมานอนอยู่ที่หน้าบ้านตน แล้วพยายามโทรหาตนหลาย 10 สาย แต่ตนเองไม่รับสาย ระหว่างนั้นตนได้โทรศัพท์หาแฟนให้หาคนมาช่วย ตอนนั้นรู้สึกกลัว สติจะแตก ร้องไห้กระวนกระวาย กระทั่งรุ่นพี่ของแฟนอีกคนมาช่วย โดยคนที่มาช่วยเล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุได้นอนขวางหน้าประตูบ้านของตนเองไว้เลย

ต่อมาตนได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปร้องเรียนกับหน่วยงานของตน แต่กลับได้รับคำตอบว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แถมยังถูกบีบบังคับเซ็นใบลาออก ต่อมาหน่วยของต้นสังกัดของผู้กระทำ ส่งคนกลางมาไกล่เกลี่ย แต่กลับมาตำหนิต่อว่าตนว่า พวกผู้หญิงเรื่องมาก ชอบมาร้องเรียน และได้ลงโทษขังคุกคนก่อเหตุแค่เพียง 15 วัน จากนั้นก็ไม่ดำเนินการอะไรต่อ 

ส่วนสาเหตุที่ตนต้องไปพักฟื้นที่บ้านพักของแฟนในจังหวัดพิษณุโลกนั้น เพราะตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เหตุผลที่ป่วยเพราะได้รับผลกระทบมาจากการที่ต้องไปปฎิบัติหน้าที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนช่วยปกป้องประเทศที่ชายแดนใต้มา 7 ปี ตนรักอาชีพนี้ แต่วันนี้น้องถูกกระทำแต่กลับไม่มีใครปกป้องไม่มีใครเห็นความดีที่น้องเคยทำ น้องจึงขอให้ผมช่วย ผมรับปากช่วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร จากศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารฯ ลงมารับเอกสารร้องเรียน และซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะรวบรวมเอกสารร้องเรียนทั้งหมดนำเรียน ผู้บัญชาการทหารบกดำเนินการต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook