ศอ.รส.สั่งเพิ่มความเข้ม 68 จุดทางด่วน

ศอ.รส.สั่งเพิ่มความเข้ม 68 จุดทางด่วน

ศอ.รส.สั่งเพิ่มความเข้ม 68 จุดทางด่วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศอ.รส.เตรียมประสานการทางพิเศษฯ และดอนเมืองโทลล์เวย์ ตรวจสอบกล้องซีซีทีวี พร้อมเพิ่มความเข้มจุดตรวจขึ้น-ลงทางด่วน วอนสื่อประณามกลุ่มไม่หวังดีสร้างความรุนแรง อย่าตกเป็นเครื่องมือให้นำผลงานไปขยายผลก่อเหตุเพิ่ม ชี้มุ่งพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หวังทำลายความน่าเชื่อถือรัฐ คาดจับคนร้ายกรณียิงอาร์พีจีเข้า ก.กลาโหม จะเชื่อมโยงไปกรณีอื่นได้

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุม ศอ.รส. รอบเช้า ซึ่งมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ว่า พล.ต.อ.ปทีป ได้รายงานความคืบหน้ากรณีระเบิดเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ที่ จ.นนทบุรี และเห็นตรงกันว่า คนร้ายมักใช้ทางด่วนเป็นจุดยิงระเบิด จึงเห็นพ้องกันว่า ควรเพิ่มความเข้มข้นจุดตรวจ 68 จุดในพื้นที่ล่อแหลม โดยเฉพาะทางขึ้น-ลง โดยประสานกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัท ดอนเมืองโทลล์เวย์ เพื่อตรวจสอบกล้องซีซีทีวีของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำนวน 180 เครื่อง และกล้องของดอนเมืองโทลล์เวย์อีก 26 เครื่อง ซึ่งกล้องเหล่านี้จะสามารถใช้เป็นข้อมูลหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนกรณีเกิด เหตุขึ้นได้

"ศอ.รส.หนักใจการสร้างสถานการณ์ โดยเฉพาะเหตุระเบิด ยอมรับว่า การสืบสวนสอบสวนไม่ใช่เรื่องง่าย และพยานในที่เกิดเหตุก็มีน้อย ซึ่งสื่อสามารถปะติดปะต่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันในแต่ละครั้ง จึงขอความร่วมมือในการเสนอข่าวให้ช่วยกันประณามกลุ่มที่พยายามสร้าง สถานการณ์ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่และไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ขอความเห็นใจว่าเป็นเรื่องยาก จึงไม่อยากให้สื่อนำเสนอข่าวดังกล่าวในลักษณะที่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่ม ไม่หวังดี ถ้าเราเห็นตรงกันจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะหากวิเคราะห์เพิ่มเติมในลักษณะว่ารัฐไม่มีประสิทธิภาพหรือล้มเหลว นอกจากจะทำให้ประชาชนเกิดความกลัวแล้ว ยังทำให้กลุ่มไม่หวังดีนำไปเป็นผลงานแล้วขยายผลก่อเหตุมากขึ้นด้วย" โฆษก ศอ.รส. กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า คนร้ายพยายามก่อเหตุในพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของทางราชการ รวมทั้งในพื้นที่ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐ เชื่อว่าจะไม่กระจายการก่อเหตุไปที่ตัวบุคคล จึงไม่ควรตื่นตระหนก ทั้งนี้ พล.ต.อ.ปทีป ได้รายงานในที่ประชุมด้วยว่า ได้ออกหมายจับคดียิงจรวดอาร์พีจีเข้าไปในกระทรวงกลาโหมแล้ว และเชื่อว่าเมื่อได้ตัวคนร้ายในกรณีนี้แล้ว จะสามารถผูกโยงไปยังกรณีอื่นได้ด้วย และว่า "การดูแลบ้านเมืองไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ ทหารเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน อย่างไรก็ตาม การทำงานด้านการข่าวต้องพยายามให้มากขึ้น" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ที่ประชุม ศอ.รส.สรุปสถิติการเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งเกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ 4 ครั้ง และหลังจากประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แล้ว เกิดเหตุระเบิดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีผลบังคับใช้ จำนวน 12 ครั้ง รวมทั้งที่ จ.เชียงใหม่ อีก 4 ครั้ง.

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook