สะเทือนใจ อาม่าวัย 84 ถูกทอดทิ้ง นั่งรอหน้าบ้านหรูทั้งคืน แต่ลูกสาวไม่ให้เข้าพบ
เวทนา อาม่าวัย 84 ถูกทอดทิ้งลำพัง เจ็บป่วยต้องผ่าตัดแต่ไม่มีใครเซ็นรับรอง นั่งรอลูกสาวหน้าบ้านหรูทั้งคืน แต่ลูกไม่ให้เข้าบ้าน
ทีมงานสายไหมต้องรอดพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พา นางอรทัย อาม่าวัย 84 ปี ไปตามหาลูกสาวแท้ๆ ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 2 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านเพจสายไหมต้องรอด ว่ามีอาม่า ถูกลูกหลานทิ้งให้อยู่ในบ้าน ถ.สุขาภิบาล 5 เเขวงออเงิน เขตสายไหม ตามลำพัง น้ำไฟที่บ้านถูกตัดใช้ชีวิตยากลำบาก เจ็บป่วยไม่มีคนดูแล ทั้งๆ ที่อาม่ามีลูกถึง 4 คน ทุกคนอาม่าส่งเสียให้เรียนในโรงเรียนเอกชนและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง พอเรียนจบแยกไปมีครอบครัวกลับทอดทิ้งอาม่าไปอยู่กับครอบครัวหมด อาม่าเคยไปหาลูกที่บ้านย่านพระราม 2 แต่ไปนั่งรออยู่หน้าบ้านครึ่งวัน ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ ทนแดดร้อนไม่ไหวจึงต้องเดินทางกลับ
โดยต่อมาเมื่อไปถึงที่บ้านของลูกสาวอาม่าพบเป็นบ้านหรูขนาดใหญ่ มีรถหรูจอดอยู่ในบ้านหนึ่งคันแต่ไม่พบว่ามีใครออกมาแต่อย่างใด
ทีมข่าวได้สอบถาม น.ส แอน (นามสมมติ) ผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลว่า เคยเห็นอาม่ามารอที่หน้าบ้านลูกสาวบ่อยครั้ง ซึ่งตนเองสงสารก็เอาเก้าอี้ไปให้นั่งรอ บางครั้งก็ให้อาม่ามาเข้าห้องน้ำ ซึ่งทุกครั้งที่มาอาม่า นั่งรถแท็กซี่มาที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เจอตัว หรือหากอยู่บ้าน ลูกสาวก็จะไม่ออกมาเจอ ซึ่งผู้ที่อาศัยรายนี้บอกว่า เหมือนไม่ยินดียินร้ายเลย ทำให้อาม่าต้องนั่งรอทั้งวันทั้งคืน พอเช้าอาม่าก็กลับไป ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเห็นผู้ชายที่เป็นลูกเขยเคยด่าทอและต่อว่าอาม่า และยังแจ้งตำรวจมาจับกุมอาม่าด้วยจนหลายคนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
ขณะที่ทีมข่าวสอบถามอาม่า เล่าต่อว่า เลี้ยงลูกทั้ง 4 คนมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ส่งเสียให้เรียนหนังสือ โดยลูกสาวมีลูกสาวคนสุดท้องคนนี้ เป็นคนที่ตนส่งเสียให้เรียนสูงที่สุด ทั้งที่ตัวอาม่าไม่รู้หนังสือเลย และอดมื้อกินมื้อส่งลูกๆ หวังว่าอยากให้มีวิชาความรู้ ทั้งที่สามีหรือพ่อของลูกห้ามไม่ให้เรียน หลังจากที่ส่งลูกลูกให้ได้เรียนหนังสือหวังว่าให้มีวิชาความรู้ทำการทำงานที่ดีกลับมาเลี้ยงดูแม่ แต่ปรากฏว่าลูกสาวคนเล็กนี้ ก็ไปคบหา และแต่งงานกับสามีคนปัจจุบัน แต่ไม่มีการตบแต่งอย่างเป็นทางการ (ไม่มีการให้สินสอด) ไม่มีการส่งเสียเลี้ยงดูแม่ ส่วนลูกชายที่อยู่ต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เคยส่งเสียแต่พอแต่งงานเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วก็ไม่มีการส่งเสียใดๆ ต่อเลย
อาม่า ระบุว่า ตอนนี้ที่บ้านถูกตัดน้ำ ส่วนไฟมีคนจ่ายให้ เวลาจะอาบน้ำต้องไปอาศัยเพื่อนบ้าน ส่วนเงินกินเงินใช้ได้มาจากเงินผู้สูงอายุและผู้พิการ เดือนละ 1,600 บาท และบางครั้งก็มีเพื่อนๆมาให้ครั้งละ 500 บ้าง 1,000 บาทบ้าง ส่วนอาหารการกินบางครั้งเพื่อนบ้านแบ่งมาให้ แต่บางวันที่ตนซื้อก็มักจะซื้อข้าวกล่อง กล่องละ 25 บาทและแบ่งกินเป็นสองมื้อ
อาม่า เล่าต่อว่า ตนนั่งรถจากบ้าน ย่านสายไหมมาหาลูกสาวที่ย่าน พระราม 2 บ่อยครั้ง เพราะคิดถึง และยังรักลูกอยู่ อยากเจอหน้า เมื่อมาถึงลูกไม่เคยให้เข้าบ้าน แต่ตนก็นั่งรอหน้าบ้านแต่หัวค่ำจนถึงเช้า
นอกจากนี้ อาม่ายังเล่าถึงอาการเจ็บป่วยของตัวเองอีกด้วยว่า ป่วยเกี่ยวกับโรคกระดูกโดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง ก่อนหน้านี้หมอให้เวลา 2 เดือนในการผ่าตัดตนก็พยายามติดต่อลูกเพื่อให้มาเซ็นรับรองการผ่าตัด แต่ติดต่อใครไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามาไม่ได้ แต่ไม่มีใครมาเลย
ช่วงท้าย อาม่าเผยทั้งน้ำตา บอกว่า อาม่าอยากเจอลูก อาม่าอายุใกล้จะ 90 แล้ว ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ อยู่บ้านก็ร้องไห้ไม่รู้จะพูดกับใครคุยกับใคร ช่วงปีใหม่ไม่มีการกินข้าว ไม่ได้ไหว้อะไรกันเหมือนกับครอบครัวอื่นเลย นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านอย่างเดียว
ด้านนายพีรพล สอนไข่ ผอ.ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี กระทรวง พม. กล่าวว่า วันนี้พาอาม่ามาหาลูกสาวคนเล็ก อยากมาปรับความเข้าใจกับลูกสาว แต่ไม่ได้เจอเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน
ตอนนี้ พม. เป็นคนดูแลอาม่า ซึ่งให้อยู่ที่กรมกิจการผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี ซึ่งอาม่ามาอยู่ได้ประมาณ 7 วันแล้ว และมีการพูดถึงแต่ลูกสาวคนเล็กตลอด ส่วนร่างกายของอาม่าตอนนี้เดินไม่ค่อยไหว และยังคงมีปัญหาเรื่องกระดูก และจำเป็นต้องรักษา ซึ่งต้องได้การเซ็นรับรองจากลูก
นายพีรพล เปิดเผยต่อว่า หลังจากวันนี้ที่อาม่าจะยังไม่ได้เจอกับลูกสาว พม. จะรับอาม่ากลับไปดูแล ซึ่งมีทีมสังคมสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่พยาบาลดูแล แต่ทางที่ดีที่สุดคือการกลับมาอยู่ในครอบครัว และคนในครอบครัวน่าจะเป็นคนเข้าใจดีที่สุด
ทั้งนี้ หากลูกสาวของอาม่าดูอยู่ ขอบอกว่า พม. ยินดีเป็นสื่อกลางในการสื่อสารปรับความเจ้าใจ เพื่อให้เกิดประโยชนสูงสุดกับทั้งสองฝ่าย หากสะดวกสามารถประสานมายัง พม. ได้ตลอดเวลาผ่านเบอร์ 02-577-1815