ศอ.รส.ประกาศพื้นที่ล่อแหลมเพิ่มเป็น88จุด

โฆษก ศอ.รส. เผย ผลประชุมช่วงค่ำ ระบุ ที่ประชุมอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจในสถานที่สำคัญสามารถพกพาอาวุธได้แล้ว เว้นแต่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ใกล้กลุ่มผู้ชุมนุม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงว่าการประชุม ศอ.รส. ช่วงค่ำ ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ ผอ. ศอ.รส. เป็นประธานมีการหารือถึงเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องโดย ศอ.รส.ประเมินสถานการณ์แล้ว สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารพกพาอาวุธ ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยมีหลักเกณฑ์ คือ ทหารที่ปฏิบัติภารกิจใกล้พื้นที่ชุมนุม จะไม่พกอาวุธมีแต่อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนแต่ทหารตำรวจที่ทำหน้าที่ในหน่วยทหาร สถานที่สำคัญและติดตามบุคคลสำคัญ จะพกพาอาวุธประจำกาย และปืนพกได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพกพาอาวุธประจำกาย และปืนพก ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ ส่วนทหารตำรวจที่จุดตรวจและสายตรวจ จะพกพาอาวุธเฉพาะผู้บังคับหมู่ โดยทหารตำรวจจะประสานงานกันใกล้ชิด เพื่อประกันประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน

ทั้งนี้ โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่าได้มีมาตรการในการกำกับดูแล กำชับเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีการจัดทำบัญชีรายชื่อพร้อมเลขอาวุธ สำหรับตรวจสอบ โดยจะใช้อาวุธในสภาวะที่เหมาสมพร้อมพกบัตรประจำตัว เพื่อยืนยันสถานะ

นอกจากนี้ โฆษก ศอ.รส. แถลงว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่ทหารแต่ละพื้นที่ที่มี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานในวันนี้ ได้มีการกำหนดพื้นที่ล่อแหลมและเป้าหมายใหม่ ที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุรุนแรง คือพื้นที่ล่อแหลมที่สำคัญ 88 จุด และยังมีการเพิ่มจุดตรวจ 112 จุด และการลาดตระเวนเส้นทางเพิ่มเป็น 93 เส้นทาง โดยเน้นสถานที่ราชการ และที่พักบุคคลสำคัญ รวมถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากที่ผ่านมาเริ่มเป็นที่สนใจในการก่อเหตุมาก ขึ้น

ทั้งนี้ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด พื้นที่ล่อแหลมทั้งหมดได้ เพราะเกรงว่าอาจจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่